คิดถึงอากาศเย็นๆ คิดถึงบรรยากาศบ้านเมืองสุดน่ารักของสแกนดิเนเวียกันไหมครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศนอร์เวย์ที่คนไทยเรารู้จักคุ้นเคยกันดีว่าเป็นอดีตดินแดนของชาวไวกิ้งนักผจญภัยในอดีต ด้วยภูมิประเทศที่ทอดตัวเป็นแนวยาวไล่ไปตามชายฝั่งรวมถึงมีภูเขาหินแกรนิตสลับซับซ้อนเรียงตัวตามชายฝั่งทะเล มีหมู่บ้านเล็กๆสีสันสดใสโดยเฉพาะสีแดงอยู่เบื้องหน้ากระจายอยู่ทั่วทั้งเกาะ เกิดเป็นดินแดนที่มีทิวทัศน์ที่งดงาม ร่วมกับวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของคนนอร์ดิกทำให้นอร์เวย์เป็นสถานที่ในฝันของคนหลายๆคน วันนี้ผมจะขอนำทุกท่านมาเที่ยวหมู่เกาะโลโฟเทน หมู่บ้านชาวประมงที่ดังที่สุดในโลก

หมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten Archipelago) ตั้งอยู่ใน มณฑลนูร์ลันด์ (Nordland) ทางตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์ ประกอบขึ้นจากเกาะน้อยใหญ่ต่างๆ หลักๆ มีประมาณ 5 เกาะ ได้แก่ Austvågøy, Gimsøya, Vestvågøy, Flakstadøya, และ Moskenesøya ที่ถูกเชื่อมด้วยถนนสายหลักอย่าง E10 (European route E10) ชื่อแต่ละเกาะจะอ่านออกเสียงยากมาก ไม่ต้องแปลกใจครับ ถ้าลองมองแผนที่ของประเทศนอร์เวย์จะพบว่าหมู่เกาะโลโฟเทน ก็คือส่วนของแผ่นดินที่ยื่นออกมาในตอนเหนือของนอร์เวย์นั่นเอง

หมู่บ้านไรเนอ (Reine village) หนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดของหมู่เกาะโลโฟเทน

หมู่บ้านชาวประมงสีแดง คือ เอกลักษณ์ของโลโฟเทน

หนึ่งในภาพสะดุดของเรายามเดินทางในโลโฟเทน คือ บ้านแบบดั้งเดิมสีสันสดใสคนที่นี่เรียกกันว่า โรบูเออ (Rorbuer) ซึ่งสีแดงที่ใช้ในการทาบ้านนั้นทำมาจากดินสีเหลืองผสมกับน้ำมันจากสัตว์หรือน้ำมันพืช ซึ่งเป็นวัสดุที่ราคาไม่แพงและหาได้ง่ายในท้องถิ่น สีแดงจึงเป็นสีที่นิยมมากที่สุด แต่หลายคนก็ยังแอบเห็นบ้านสีอื่นๆทั้งสีเหลือง เขียว และขาว ซึ่งสีบ้านบ่งบอกฐานะทางสังคมในอดีตด้วยครับ (มุมมองของคนเมื่อหนึ่งร้อยปีที่แล้ว)

โดยชาวประมงที่มีฐานะปานกลางมักจะทาสีบ้านด้วยสีเหลือง ซึ่งได้มาจากการผสมดินสีเหลืองกับน้ำมันตับปลาค็อคที่ราคาสูงกว่า ส่วนบ้านที่ฐานะดีร่ำรวยมักจะทาสีบ้านด้วยสีขาว ซึ่งเป็นสีที่ได้จากการผสมใช้แร่สังกะสี (zinc)  ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ราคาแพงในยุคหลายร้อยปีที่ผ่านมา

และนอกเหนือจากบ้านสีแดงแล้ว การทำประมงและแหล่งตากปลาคืออีกสิ่งที่จะเห็นอย่างคุ้นตาเนื่องจากอาชีพหลักของผู้คนบนหมู่เกาะโลโฟเทนยังคงทำการประมงโดยเฉพาะ ปลาค็อด (Cod) โดยเฉพาะปลาค็อดตากแห้งสินค้าที่มีชื่อเสียงของเกาะแห่งนี้ ที่เราจะเห็นราวตากผ้าที่เอาไว้ตากปลาอยู่ทั่วทั้งเกาะ

แค่นึกกลิ่นก็ลอยมาแล้วครับ สินค้าที่มีชื่อเสียงอื่นๆก็คงหนีไม่พ้นจะเป็น น้ำมันตับปลาจากปลาค็อด (Cod Liver Oil) และฟาร์มเลี้ยงปลาแซลมอน (Salmon) สายพันธุ์สายพันธุ์แอตแลนติก ที่เลี้ยงในทะเลเพื่อให้ใกล้เคียงกับสภาพตามธรรมชาติที่สุด จนเรียกได้ว่านอร์เวย์เป็นประเทศที่ผลิตปลาแซลมอนรายใหญ่และส่งออกแซลมอนคุณภาพดีไปทั่วโลก

หมู่บ้านชาวประมงแห่งหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten)


การเดินทางมาหมู่เกาะโลโฟเทน

การเดินทางมายังประเทศนอร์เวย์ วิธีการที่สะดวกที่สุดทั้งในแง่ของเวลาและความสะดวกสบายก็คือการใช้บริการสายการบินไทยนั่นเอง ซึ่งจะมีบริการบินทุกวัน ออกกลางคืนถึงเช้าในขาไปจากกรุงเทพ และออกจากนอร์เวย์ตอนบ่ายมาถึงประเทศไทยเช้าตรู่ในวันถัดมา โดยเมืองหลวงของนอร์เวย์คือกรุงออสโล ซึ่งเราสามารถมาใช้สายการบินในประเทศบินไปยังจุดต่างๆของประเทศนอร์เวย์ได้อย่างสะดวก โดยเฉพาะด้านทิศเหนือที่อยู่ไกลออกไปหลายพันกิโลเมตร

เราจะออกเดินทางจากออสโลแล้วต่อเครื่องบินในประเทศสายการบิน Wideroe มาลงที่เมือง Leknes ที่ตั้งอยู่บนเกาะ Vestvågøy แล้วก็สามารถเช่ารถได้เลยครับ ซึ่งแนะนำมากๆ เพราะถนนในโลโฟเทนเหมาะกับการเช่ารถขับเที่ยวอย่างมาก จากนั้นแผนการเดินทางของเราจะอยู่ที่ความชอบส่วนตัวโดยแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละเกาะ ดังนี้ครับ โดยปกติแล้วการขับรถเที่ยวด้วยตนเองจะเที่ยวได้ครบสถานที่ต่างๆในเกาะได้ครบภายใน 3-4 วัน


สถานที่เที่ยวตามเกาะต่างๆภายในหมู่เกาะโลโฟเทน

เกาะเอาสต์วอกอย (Austvågøy)

  • เมืองสโลเวอร์ (Svolvær) หมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่นับพันปี ปัจจุบันพัฒนากลายศูนย์กลางการเดินทางของหมู่เกาะโลโฟเทน มีสนามบิน มีท่าเรือเฟอร์รี่เชื่อมเมืองต่างๆ สถานที่รวมแหล่งกิจกรรมเช่น ล่องเรือชมฟยอร์ดและชมวาฬออร์ก้า พิพิธภัณฑ์สงครามแห่งความทรงจำ (Lofoten War Memorial Museum) พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเสื้อผ้าและอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆตั้งแต่ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงปี ค.ศ. 1940 – 1945 ซึ่งในประเทศนอร์เวย์ถือเป็นอีกหนึ่งบริเวณสมรภูมิการรบระหว่างฝ่ายอักษะและฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่งมีหมู่เกาะโลโฟเทนอยู่ในสมรภูมิปฎิบัติการ Operation Claymore
  • หมู่บ้านเฮนนิงวาสร์ (Henningsvær) หมู่บ้านชาวประมงแห่งนี้โด่งดังไปทั่วโลกจากการมีสนามฟุตบอลที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆที่มีชื่อว่า Hellandsøya เขาว่ากันว่าสนามฟุตบอลแห่งนี้สวยที่สุดในโลก ลอง Google ดูนะครับ 😊 ในฤดูหนาวจะสามาทำกิจกรรมตกปลาคอดอาร์กติก (Legendary Lofoten Cod Fishery) ได้จากที่นี่ได้

เกาะเวสต์วอกอย (Vestvågøy)

  • เลคเนส (Leknes) เมืองที่เป็นที่ตั้งของสนามบิน ใช้เป็นจุดตั้งต้นในการเดินทางถ้าเรามาโดยเครื่องบินภายในประเทศ ที่มีซูเปอร์มาร์เก็ตให้สำหรับการตุนวัตถุดิบต่างๆ และการเช่ารถ
  • บอลสตัด (Ballstad) หมู่บ้านที่ขึ้นชื่อเรื่องของการมาทำกิจกรรมดำน้ำ ถ้าใครอยากมาดำน้ำแบบต้องใช้ชุด Dry suit ต้องมาที่นี่
  • พิพิธภัณฑ์ไวกิ้ง (Lofotr Vikingmuseum) เนื่องจากบริเวณหมู่เกาะโลโฟเทนมีการค้นพบว่าเป็นที่ตั้งของชุมชนชาวไวกิ้งในอดีต บนเกาะจึงมีพิพิธภัณฑ์ไวกิ้งที่แสดงเรื่องราวและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของชาวไวกิ้งไว้มากมาย ซึ่งรูปแบบพิพิธภัณฑ์ถูกออกแบบโดยใช้โครงเรือไวกิ้งโบราณและภายในได้จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้และเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวไวกิ้ง

เกาะแฟลกสตัด (Flakstadøya)

  • หมู่บ้านนัสฟยอร์ด (Nusfjord) หมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ที่สุด มีบ้านสีสันสดใสทั้งสีแดง เหลือง และขาว ทำให้หมู่บ้านนี้ดูแตกต่างจากหมู่บ้านชาวประมงอื่นในหมู่เกาะโลโฟเทนที่ส่วนมากจะเป็นบ้านสีแดง ปัจจุบันหมู่บ้านนัสฟยอร์ดได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งสำหรับให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม ซึ่งนักท่อง เที่ยวสามารถมองเห็นโรงเลื่อยไม้แบบเก่า ร้านค้าสมัยเก่า โรงตีเหล็ก บ้านบนเรือและโรงงานที่ใช้ผลิตน้ำมันตับปลา

เกาะมอสเคเนส (Moskenesøya)

  • เกาะมอสเคเนส นี้ตั้งอยู่ปลายสุดของของหมู่เกาะโลโฟเทน และเป็นเกาะที่มีชื่อที่โด่งดังที่สุด
  • หมู่บ้านออ (Å Village) ที่ตั้งอยู่สุดปลายทางถนน E10 นอกจากวิวสวยทั้งหมู่บ้าน ภูเขา ราวตากปลา ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าชม เช่น Norwegian Fishing Village Museum สัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวประมงที่อาศัยอยู่บนเกาะมายาวนานกว่า 250 ปี พิพิธภัณฑ์ปลาแห้ง ที่จะทำให้คุณรู้จักเรื่องราวของการตากปลาค้อด และปลาอื่นๆ วิธีถนอมรักษาปลาของชาวนอร์เวย์ทางภาคเหนือ
  • หมู่บ้านไรเนอ (Reine) ที่ได้รับการยกย่องจากนิตรสารชื่อดังของนอร์เวย์ให้เป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุดในหมู่เกาะโลโฟเทน
  • หมู่บ้านฮัมนอย (Hamnøy) หมู่บ้านขนาดเล็กที่เป็นภาพติดตาในโปสการ์ดครับ มีฉากเบื้องหลังเป็นขุนเขาที่สวยงาม

สำหรับ เกาะกิมเซอยา (Gimsøya) ถือเป็นเกาะขนาดเล็กที่สุด และสถานที่ท่องเที่ยวมีความน่าสนใจน้อยกว่าเกาะอื่นๆ


มาโลโฟเทน ต้องมาพักค้างคืนในบ้านชาวประมง

แน่นอนว่าการมายังหมู่เกาะของชาวประมง การได้พักในหมู่บ้านชาวประมงที่เรียกว่า โรบูเออ (Rorbuer) ย่อมเป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้ ไม่งั้นจะถือว่ามาไม่ถึง ซึ่งสถานที่ๆแนะนำคือ Eliassen Rorbuer ที่พักดัดแปลงจากบ้านชาวประมงดั้งเดิม มีอำนวยความสะดวกครบ ที่สำคัญ คือ สามารถชมวิวสวยๆ ของหมู่บ้านฮัมนอยที่เป็นภาพถ่ายของโลโฟเทนที่ดังไปทั่วโลกได้จากที่นี่เท่านั้น


ฤดูกาลท่องเที่ยวหมู่เกาะโลโฟเทน

ฤดูกาลของที่โลโฟเทนจะเหมือนกันกับในเขตสแกนดิเนเวียทั่วไปคือมี 4 ฤดูกาล โดยฤดูกาลที่แนะนำให้มาเที่ยวจะมี 2 ฤดูกาลคือ ฤดูร้อน หรือ ฤดูหนาว ขึ้นกับว่าวัตถุประสงค์คืออย่างใด

  • ฤดูร้อน เดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม เป็นช่วง high season และมีกิจกรรมเยอะมาก ทั้งเดินเขา ดูวาฬ พายคายัค ตกปลา ฟ้าใสตลอดทั้งวัน และจะเป็นช่วงที่พระอาทิตย์ไม่ลับขอบฟ้าเรียกว่าเที่ยวได้แบบ 24 ชั่วโมง อุณหภูมิก็จะถือว่าเย็นสบายสำหรับคนไทย คือประมาณ 10-20 องศาเซลเซียส
  • ฤดูหนาว เดือนตุลาคมถึงมีนาคม เป็นช่วง Low season ร้านค้าต่างๆ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ มากกว่า 50% หยุดให้บริการ ทำให้ต้องเช็คสถานที่ทุกแห่งก่อนไปทุกครั้ง ต่อให้บางแห่งเปิดแต่เวลาทำการก็จะไม่ปกติ ช่วงเวลากลางคืนจะค่อนข้างยาว วันหนึ่งมีช่วงแสงอาทิตย์ขึ้น 8-10 ชั่วโมงในช่วงต้นกับปลายฤดู แต่ถ้ามาตอนช่วงปีใหม่จะมืดสนิทตลอดทั้งวัน ฤดูหนาวเหมาะสำหรับผู้ที่อยากมาเห็นแสงเหนือ แต่ต้องเตรียมตัวกับอากาศที่หนาวเย็น อยู่ที่ประมาณ 0-10 องศาเซลเซียส

แนะนำแผนการเดินทางท่องเที่ยวโลโฟเทน

การเดินทางมาหมู่เกาะโลโฟเทน เป็นการเดินทางท่องเที่ยวประเทศนอร์เวย์ เราสามารถทำวีซ่าเชงเก้นที่สถานทูตนอร์เวย์ในกรุงเทพ หรือถ้ามีเชงเก้นวีซ่าที่ยังไม่หมดอายุก็สามารถใช้เข้าประเทศได้ทันที

  • วันที่ 1 ออกเดินทางจากประเทศไทยมายังกรุง Oslo แล้วบินภายในประเทศมายังเมือง Leknes
  • วันที่ 2 เที่ยวเกาะ Moskenesøya และเกาะ Flakstadøya
  • วันที่ 3 เที่ยวเกาะ Vestvågøy และเกาะ Austvågøy
  • วันที่ 4 เดินทางจากเมือง Svolvær ไปเมือง Tromsø โดยพักค้างคืนที่เมือง Narvik
  • วันที่ 5 เดินทางถึง Tromsø ท่องเที่ยวภายใน Tromsø
  • วันที่ 6 ท่องเที่ยวภายใน Tromsø
  • วันที่ 7 บินภายในประเทศไปยังหมู่เกาะ Svalbard
  • วันที่ 8 ท่องเที่ยวหมู่เกาะ Svalbard
  • วันที่ 9 เดินทางกลับจากหมู่เกาะ Svalbard มายังเมือง Oslo
  • วันที่ 10 เดินทางกลับประเทศไทย

Lofoten and beyond

จากหมู่เกาะโลโฟเทน ขับรถอีกประมาณ 400 กิโลเมตรทางทิศเหนือ จะมาถึง เมืองทรอมโซ (Tromsø) เมืองใหญ่ที่สุดในเขตอาร์คติกเซอร์เคิล (Arctic Circle) ศูนย์กลางการปกครองทางด้านเหนือของนอร์เวย์ เป็นแหล่งรวมทุกกิจกรรมที่สามารถหาได้จากในเมืองนี้ หรือจากทรอมโซเราสามารถเดินทางไปยัง หมู่เกาะสฟาร์บาร์ (Svalbard Archipelago) ดินแดนที่อยู่เหนือสุดของโลกที่มีมนุษย์อาศัยอยู่อย่างถาวร สถานที่ๆมีหมีขาวมากกว่ามนุษย์ สถานที่สำหรับผู้รักการผจญภัยที่แท้จริง