ครั้งนี้ผมจะพาคุณเดินทางไปในพื้นที่สุดขอบโลกที่ยังมีคนอาศัยอยู่ ณ กรีนแลนด์ (Greenland) เกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก พื้นที่ประมาณ 2,175,900 ตารางกิโลเมตร กับ 2 ใน 3 ของประเทศที่เป็นน้ำแข็ง ไปสัมผัสความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ก้อนน้ำแข็งที่เคลื่อนตัวผ่านทะเล การเดินบนธารน้ำแข็งสุดตื่นเต้น และสัมผัสวิธีชีวิตของคน ชาวอินูอิต (Inuit)

ที่มาของคำว่ากรีนแลนด์

มีเรื่องตลกแต่ว่าเป็นความจริง ผู้บุกเบิกกรีนแลนด์ในยุคแรกเมื่อราวๆหนึ่งพันปีที่แล้ว คือ นาย Erik the Red คือผู้ที่ถูกขับไล่ออกมาจากไอซ์แลนด์ พวกเขาล่องเรือขึ้นมาทางทิศเหนือและพบกับดินแดนแห่งใหม่ที่นี่ พวกเขาตั้งชื่อเกาะแห่งนี้ว่า กรีนแลนด์ (Greenland) เพื่อเหตุผลทางการตลาดที่ต้องการสื่อว่า ดินแดนแห่งนี้อุดมสมบูรณ์กว่าไอซ์แลนด์ (Iceland) ที่มีแต่น้ำแข็ง เพื่อเชื้อเชิญคนอพยพมาตั้งรกรากที่นี่ ทั้งๆที่จริงแล้ว กรีนแลนด์ต่างหากที่มีแต่สีขาว และ ไอซ์แลนด์นั้นมีแต่สีเขียว


ข้อมูลท่องเที่ยวเบื้องต้น

วีซ่าเชงเก้นที่มีความพิเศษ

“กรีนแลนด์” เป็นประเทศที่ถือว่าอยู่การปกครองของประเทศเดนมาร์ค ดังนั้นแล้วการทำวีซ่า ขั้นตอนวิธีการ การเตรียมเอกสารต่างๆ ล้วนมีความเหมือนกับการไปยื่นวีซ่าเชงเก้นทั่วไปแต่ต้องไปทำที่สถานทูตเดนมาร์คทุกประการ แต่ที่สำคัญอย่าลืม!!! เช็ควีซ่าทุกครั้งหลังได้มาว่า มีคำว่า “Valid for Greenland” หรือไม่ ซึ่งจะชี้เป็นชี้ตายว่าเราจะได้ไปไม่ได้ไปก็ตรงนี้ละครับ

เดินทางไปกรีนแลนด์ด้วย Air Greenland

สายการบิน Air Greenland สายการบินประจำชาติ เป็นเพียงสายการบินเดียวที่ทำการบินระหว่างกรีนแลนด์และภาคพื้นทวีปยุโรปในฤดูหนาว และจุดเริ่มต้นของทุกคนนั้นคือเมืองโคเปนเฮเกน (Copenhagen) ของเดนมาร์ค

ไปกรีนแลนด์ช่วงไหนดี

เดือนตุลาคมเป็นช่วงเวลาที่ถือว่าอากาศดีที่สุดในการเที่ยวธรรมชาติพร้อมกับการดูแสงเหนือก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูหนาวอันโหดร้ายที่ไม่มีแสงอาทิตย์ให้เห็นเป็นเวลานาน แต่ถ้าใครชอบบรรยากาศแบบสบายๆ การมาหน้าร้อนในช่วงกลางปีแล้วได้เที่ยวแบบเต็มวันก็เป็นอีกอารมณ์ที่ดีไม่น้อย


สถานที่ท่องเที่ยวในกรีนแลนด์

  • กรีนแลนดิคไอซ์ชีต (Greenlandic Ice Sheet) ภาษาไทยเรียกว่า “พืดน้ำแข็งกรีนแลนด์” เราไม่ค่อยคุ้นกับคำนี้เท่านั้น เพราะ นิยามคำว่า พืดน้ำแข็ง จะหมายถึงธารน้ำแข็งที่มีขนาดพื้นที่มากกว่า 50,000 ตารางกิโลเมตรขึ้นไป ซึ่งในโลกปัจจุบันนี้มีเพียงแค่ที่ กรีนแลนด์ และ แอนตาร์คติกา เท่านั้นครับ พืดน้ำแข็งกรีนแลนด์ที่กินพื้นที่กว่า 79% ของเกาะ ว่ากันว่าถ้าน้ำแข็งของกรีนแลนด์ละลายทั้งหมด จะทำให้ระดับน้ำในทะเลสูงขึ้นกว่า 7.2 เมตร นั่นคือเมืองหลายๆเมืองบนโลกเราจะจมอยู่ใต้ทะเล
  • พบปะชาวอินูอิต สิ่งหนึ่งที่น่าตื่นเต้นสำหรับคนเอเชียแบบเราก็คือการได้มาเจอท้องถิ่นในกรีนแลนด์ที่หน้าตาคล้ายกับเราอีกครั้งนั่นเอง คนท้องถิ่นที่ว่าก็คือ ชาวอินูอิต (Inuit) ซึ่งมีต้นกำเนิดเดียวกับชาวมองโกลที่แพร่กระจายมาเรื่อยๆ โดยนักโบราณคดีสันนิษฐานว่า บรรพบุรุษของพวกเขาอพยพจากทวีปเอเชีย เข้าไปอยู่บริเวณตอนเหนือของทวีปอเมริกาเหนือ และกรีนแลนด์ ปัจจุบันกรีนแลนด์มีจำนวนประชากรชาวอินูอิตดั้งเดิมอาศัยอยู่มากสุดถึง 90%
  • เมืองอิลูลิชแซต (Ilulissat) เมืองท่องเที่ยวสำคัญ มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากมาย มีมรดกโลกทางธรรมชาติอย่าง อิลูลิชแซตไอซ์ฟยอร์ด (Ice fjord) ความยาวกว่า 70 กิโลเมตร สถานที่เต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็ง และภูเขาน้ำแข็งมากมายในฤดูหนาวสีสันที่สดใสของบ้าน ตัดกับสีขาวของหิมะ คล้ายภาพหมู่บ้านในการ์ตูนของเด็ก
  • เดินชมธารน้ำแข็งเส้นทางมรดกโลก “The World Heritage Trail” ที่เมืองอิลูลิชแซตสถานที่ที่ไม่มีถนนเข้าถึง อาศัยการเดินเท่านั้น เส้นทางบนสะพานไม้ที่ทอดยาวตลอดแนว ที่ บริเวณ Sermermiut มีการขุดพบหลักฐานทางประวิติศาสตร์อายุกว่า 4,000 ปี เส้นทางเดินไม่ยาก คนแก่เดินได้ เด็กเดินยิ่งดี เดินไปจนเรียกว่าแทบจะสัมผัสกับก้อนธารน้ำแข็งยักษ์ได้เลยละครับ
  • Hotel Arctic ห้องราคาหลักหมื่นแต่วิวราคาหลักล้าน วิวหลักล้าน ตั้งอยู่ที่เมืองอิลูลิชแซต มีโรงแรมอยู่หลายแห่งก็จริง แต่ถ้าให้แนะนำว่าต้องมาพักที่ไหนแล้ว เห็นที่จะไม่พ้นโรงแรมแห่งนี้คือ Hotel Arctic โดยห้องนอนทุกห้องจะหันหน้าออกเข้าสู่ทะเลทั้งหมด องออกไปเห็น ฟยอร์ดน้ำแข็งอิลูลิชแซต (llulissat Ice fjord) แบบจากหน้าต่างห้องนอนเลยทีเดียว
  • นุก (Nuuk) เมืองหลวงแห่งกรีนแลนด์ เมืองใหญ่สุดของกรีนแลนด์ ที่เพียบพร้อมไปด้วยความเจริญเทียบเท่าเมืองในยุโรป ประกอบไปด้วยสถานที่สำคัญ ๆ มากมาย เช่น มหาวิทยาลัยกรีนแลนด์ สนามกีฬาแห่งชาติ หอสมุด รัฐสภา และ ศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรม เป็นต้น เมืองหลวงแห่งนี้มีประชากรเพียงประมาณ 15,000 คนเท่านั้น (แต่ก็ยังคิดเป็นถึง 1/4 ประชากรทั้งประเทศ) ทำให้เป็นเมืองหลวงที่มีประชากรน้อยที่สุดของโลก เล็กขนาดเราสามารถเดินทั่วเมืองได้โดยเท้าสองข้างของเรา แต่ถึงจะเล็กขนาดนี้ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆก็ยังคงมี แม้กระทั่งห้างสรรพสินค้าครับตัวเมือง
  • นุกฟยอร์ด (Nuuk Fjord) กิจกรรมขึ้นชื่อของเมืองนุกคือ การขึ้นเรือ Targa เดินทางไปชมธารน้ำแข็ง Narsap Sermia ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่เราสามารถเข้าถึงได้ทางเรือเท่านั้น พร้อมทั้งแวะชม หมู่บ้านร้าง Qoornoq ที่อดีตเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่รัฐบาลสั่งให้ประชาชนอพยพเข้าไปในเมืองหลวง
  • คังเกอร์ลุสซวก (Kangerlussuaq) แอฟริกาแห่งซีกโลกเหนือ เป็นเมืองที่เกิดจากผลลัพธ์ของสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ทางกองทัพสหรัฐอเมริกาได้มาตั้งฐานทัพอากาศที่กรีนแลนด์เพื่อเป็นหน่วยสนับสนุนการรบของฝ่ายสัมพันธมิตร ทำให้เกิดการสร้างสนามบินมาตรฐานเป็นทางเข้าออกหลักของกรีนแลนด์สู่โลกภายนอก เมืองนี้มีเรื่องของการท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดยเฉพาะการเข้าถึง Ice Cap Point 660 ซึ่งเป็นส่วนปลายของผืดน้ำแข็งกรีนแลนด์ เราจะได้สัมผัสกับผืดน้ำแข็งจริงๆก็คราวนี้ การได้มาเดินบนแผ่นน้ำแข็งนี้จะให้อารมณ์เสมือนหนึ่งว่าเราไม่ได้เดินอยูบนโลกใบนี้ บรรยากาศเหมือนในภาพยนตร์เรื่อง Interstellar ไม่มีผิด นอกจากนี้เรายังมีโอกาสพบกับสัตว์ประจำถิ่นอย่าง Musk Ox ชื่อเหมือนวัว แต่จริงๆเป็นสัตว์ตระกูลแพะ ปีนเขา เดินเขา เก่งเป็นที่สุด  และแน่นอนว่าคืออาหารชั้นดีของคนท้องถิ่นเพราะเป็นสัตว์ไม่กี่ชนิดที่สามารถเป็นเนื้อให้คนบริโภคได้

แสงเหนือที่กรีนแลนด์

แสงเหนือ คือ เรื่องปกติของกรีนแลนด์ ด้วยจุดยุทธศาสตร์ของเกาะที่ตั้งอยู่ใกล้บริเวณขั้นโลกขั้นสูงสุด เกาะกรีนแลนด์จึงเป็นแหล่งสนามแม่เหล็กโลกพลังงานสูงที่คอยดูดอนุภาคจากบริเวณส่วนต่างๆของโลกมารวมกันที่พื้นที่เหล่านี้และได้แปรสภาพเป็นความมหัศจรรย์บนท้องฟ้าที่ออกมาในรูปร่างของ “แสงเหนือ” ที่มีความรุนแรงและเห็นได้ชัดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และควรทราบอีกอย่างหนึ่งว่า “กรีนแลนด์” เป็นหนึ่งในพื้นที่ๆมีวันที่ฟ้าใสจำนวนวันมากกว่าใครๆ นับได้เป็นร้อยวันต่อปี มลภาวะทางแสงก็ถือว่าน้อยมากๆ จึงทำให้กรีนแลนด์ ได้รับการยกให้เป็น “สุดยอดสถานที่ชมแสงเหนือ” อันดับต้นๆของโลกเลยก็ว่าได้


แผนการเดินทางแนะนำในการท่องเที่ยวกรีนแลนด์

แผนการเดินทางมาตรฐานกรีนแลนด์

สำหรับระยะเวลาเดินทางที่เหมาะสมในประเทศกรีนแลนด์นั้น ขั้นต่ำต้องมีเวลาค้างคืนที่กรีนแลนด์อย่างน้อย 7 คืน ซึ่งถ้ารวมระยะเวลาเดินทาง ไป/กลับ จากกรุงเทพแล้วนั้น ก็จะต้องใช้เวลาร่วมๆ 11 วัน เป็นอย่างน้อย ไม่แนะนำให้เดินทางด้วยเวลาที่น้อยกว่านี้ เพราะด้วยระยะทางที่ไกล เวลาที่แตกต่างกับเราค่อนข้างมาก เราจึงควรมีเวลาให้กับสถานที่แห่งนี้ให้มากที่สุด

วันที่ 1 : Bangkok – Copenhagen

วันที่ 2 : Copenhagen – Kangerlussuaq – Ilulissat

วันที่ 3 : Ilulissat “World Heritage trail”

วันที่ 4 : Ilulissat “Iceberg cruise Disko bay” และ “Visit dog sledding farm”

วันที่ 5 : Ilulissat – Nuuk

วันที่ 6 : Nuuk “Narsap Sermia cruise”

วันที่ 7 : Nuuk – Kangerlussuaq “Ice Cap Point 660”

วันที่ 8 : Kangerlussuaq “Russell Glacier”

วันที่ 9 : Kangerlussuaq – Copenhagen

วันที่ 10 : Copenhagen – Bangkok


Greenland and beyond

กรีนแลนด์เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับคนชอบของแปลก เพราะมันเป็นยุโรปก็จริงแต่เป็นยุโรปทีตั้งอยู่ชายขอบ อิทธิพลจากแผ่นดินใหญ่แทบส่งผลมาไม่ถึง มีแต่ธรรมชาติเท่านั้นที่รอให้เรามาค้นหาโดยเฉพาะคนที่พลาดหวังกับแสงเหนือมาหลายที่ กรีนแลนด์ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง แล้วสำหรับคนที่ชอบเที่ยวสายนี้ถ้ามีเวลาสามารถเดินทางขึ้นเหนือไปให้ไกลกว่านี้ ดิบกว่านี้ ไปยังหมู่เกาะสฟาร์บาร์ (Svalbard) ที่ๆถือว่าเป็นเมืองที่ประชาการอาศัยอยู่ในละติจูดที่เหนือสุดของโลก ไปหาหมีขาว ไปหาวอลรัส ถึงจะเรียกได้ว่าพิชิตขั้วโลกเหนืออย่างแท้จริง