ตลอดระยะเวลา 100-200 ปีที่ผ่านมา มนุษย์เราได้ใช้ความพยายาม และท้าทายสภาพร่างกายขีดจำกัดของตัวเองเพื่อจะพิชิตยอดเขาที่สูง แต่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันพญามัจจุราชตัวนี้ก็ได้คร่าชีวิตนักปีนเขามาแล้วนับไม่ถ้วน บางครั้งอาจจะไม่ได้เป็นผู้พรากชีวิตไปโดยตรง แต่ก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้นักปีนเขาผู้นั้นไม่อาจนำพาร่างกายและจิตใจลงมายังแผ่นดินเบื้องล่างได้
ถ้าใครนึกภาพไม่ออก ลองคิดถึงหนังสือเรื่อง Everest เมื่อปีที่แล้วดู จะเห็นได้เลยว่าแต่ละคนสะบักสะบอมขนาดไหน นักปีนเขาระดับปรมารจารย์หลายๆคน ยังไม่มีชีวิตรอดลงมา ในขณะที่คนที่รอดมาได้ ก็เรียกได้น่วมและสะบักสะบอม บางคนเสียอวัยวะสำคัญไป ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนกำลังจะเดินทางไปยังภูเขามีความจำเป็นต้องรู้
และพญามัจจุราชตัวนี้ จะมาถือสมุดจดเยือนเราเสมอ มันมีอยู่ 2 ตัวคือ คือ HAPE และ HACE
HAPE ย่อมาจาก High-altitude Pulmonary Edema แปลเป็นภาษาไทยสั้นๆว่า ปอดท่วมไปด้วยน้ำอันจากการที่เราอยู่บนที่สูง เรียกชื่อเต็มมันยาก เลยขอเรียก HAPE ละกัน
ส่วนเพื่อนซี้อีกคน น่ากลัวพอๆกัน แต่หลังๆดูเหมือนจะโหดร้ายมากกว่าคือ
HACE คำนี้ย่อมาจาก High-altitude Cerebral edema แปลเป็นไทยสั้นๆว่า สมองบวมจากการที่เราอยู่บนที่สูง ชือเต็มมันยาวก็เรียกสั้นๆว่า HACE เช่นเดียวกัน
HAPE และ HACE คืออะไร
HAPE และ HACE เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มโรคที่เรียกว่า High-altitude sickness ซึ่งมีทั้งหมด 3 โรคใหญ่ๆคือ
Acute Mountain Sickness (AMS) เรียกว่าแพ้ความสูงนี่แหละ เป็นโรคที่มีความรุนแรงไม่มาก จะเกิดเมื่อเราเดินทางขึ้นไปที่สูงมากกว่า 2500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลขึ้นไป โดยนักปีนเขาบางคนจะมีอาการปวดศีรษะ มึนศีรษะ นอนไม่หลับ เหนื่อย หายใจเร็ว โดยอาการต่างๆเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นหลังจากขึ้นไปที่สูงประมาณ 6-10 ชั่วโมง ที่พบบ่อยคือเกิดขึ้นในคืนแรกที่ขึ้นไปที่สูง โดยทั่วไปอาการจะไม่รุนแรงมาก และร่างกายจะค่อยๆปรับตัวได้เองภายใน 1-2 วัน
ผมเคยเขียนไว้แล้ว อ่านต่อได้ที่นี่ เรื่องที่ห้ามไม่รู้ ถ้าคิดจะไป Trekking กับอาการแพ้ความสูง
High Altitude Cerebral Edema (HACE) หรือภาวะสมองบวมจากการอยู่ในพื้นที่สูง
High Altitude Pulmonary Edema (HAPE) คือภาวะปอดบวมน้ำจากการอยู่ในพื้นที่สูง
ซึ่ง 2 อันหลังนี่ละ คือผู้ร้ายตัวจริง และผมจะเอามาเล่าในวันนี้
HAPE และ HACE เกิดจากอะไร
ถ้าเอาแบบวิชาทางการแพทย์เลย
การเกิด HAPE จะมีเรื่องความดันในเส้นเลือดปอดที่มันสูงขึ้น ทำให้น้ำในเส้นเลือดถูกบีบทะลักออกไปด้านนอก
หรือการเกิด HACE เพราะมีสารอย่างหนึ่งในร่างกายที่ทำให้สมองบวมขึ้น อะไรแบบนี้
แต่โอเค พูดแบบนี้ไป คงไม่มีใครเข้าใจแน่ๆ เอาละ ผมจะมาสรุปให้ง่ายขึ้นและกระชับขึ้น
HAPE คือภาวะน้ำท่วมปอด ทำให้อากาศที่เราหายใจเข้าไปไม่เกิดการแลกเปลี่ยนก๊าซระหว่างออกซิเจนในถุงลมกับคาร์บอนไดออกไซด์ในเส้นเลือด เนื่องจากน้ำมันท่วมอยู่ขวางอยู่แถวนั้น มันจึงกลายเป็นอุปสรรคขัดขวาง ยิ่งน้ำเยอะ ยิ่งขัดขวางเยอะ ผลสรุปคือ ร่างกายเราก็ขาดออกซิเจนมากขึ้นไปเรื่อยๆ
HACE เป็นภาวะสมองบวม เนื่องจากสมองเราตั้งอยู่ในพื้นที่คับแคบทุกด้าน ถูกกระโหลกศรีษะปิดขอบอีกชั้น ทำให้เมื่อเวลาสมองมันบวมขึ้นมา มันไม่มีพื้นที่ให้ขยายออกใช่ไหมครับ เนื้อสมองมันก็เลยบวมแบบบี้ๆในพื้นที่แคบๆอันนี้ ทำให้เกิดเป็นอาการต่างๆตามมา
HAPE และ HACE เกิดอยู่แถวไหน
คำตอบคืออยู่แถวๆภูเขาสูงครับ ในพื้นที่ๆ ความสูงมากกว่า 4,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลไป นี่ถ้าใครเริ่มมีอาการเพี้ยนๆแล้ว ให้บอกเพื่อนร่วมทีมให้ระวังเตรียมตัวไว้ได้เลย
คนไทยเราทั้งชีวิตอาศัยอยู่ที่ราบลุ่มแม่น้ำมาตลอด อากาศที่เราหายใจเข้าไปทุกครั้ง ออกซิเจนมีเต็มเปี่ยม เมื่อเราขึ้นไปอยู่ที่ Everest base camp ที่ปริมาณออกซิเจนหายไปถึง 50% เมื่อเทียบกับที่ราบลุ่มแม่น้ำ เท่ากับเราต้องหายใจจำนวนครั้งมากขึ้นถึงจะได้ปริมาณอากาศเท่าเดิม และนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ออกซิเจนในร่างกายเราไม่พอจนเกิดอาการต่างๆ
แต่สำหรับผู้คนท้องถิ่นที่ใช้เวลาอยู่กินมานานแล้ว เช่น ชาวเชอร์ปา (Sherpa) หรือชาวทิเบต (Tibetan) ร่างกายของพวกเขามีการปรับเปลี่ยนวิวัฒนาการมานานหลายร้อยปี ปอดของพวกเขาทำงานได้ดีกว่าเรา หายใจหนึ่งครั้งเท่ากันแต่ได้ปริมาณออกซิเจนที่เข้าไปในกระแสเลือดมากกว่าเราเยอะ และเลือดของพวกมีเม็ดเลือดแดงมากกว่าปกติ (Polycythemia)ซึ่งทำให้สามารถเก็บออกซิเจนได้มากกว่าอีกด้วย ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือ บนยอดเขาเอเวอเรสต์แล้ว ไม่มีคนชาติไหนที่จะขึ้นถึงยอดถี่ไปกว่าชาวเชอร์ปาอีกแล้วละ แถมยังไม่ใช้ oxygen อีกด้วย
HAPE และ HACE เกิดขึ้นกับใคร
มันเกิดขึ้นกับทุกคนครับ แม้แต่นักปีนเขาที่เก่งๆของโลกก็ต้องมีอันเป็นไปไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือพญามัจจุราชตนนี้ไปได้ บางคนอาจจะคิดว่านักปีนเขาแก่ๆน่าจะเป็นโรคนี้มากกว่านักปีนเขาวัยหนุ่มไฟแรง แต่ที่ไหนได้บางทีคนหนุ่มกลับมีอาการไปก่อนคนแก่ซะอีก
HAPE และ HACE อาการเป็นอย่างไร
เอาให้เห็นภาพเลย ไปเปิดหนังเรื่อง Everest ดูอีกรอบครับ ตอนช่วงท้ายๆของเรื่อง มีครบทุกอาการเลย ถ้าจำไม่ได้ก็ลองไปเปิดหนังดูกันอีกรอบ
จะเห็นได้เลยว่า บางคนโดนเจ้า HACE กำลังจะคว้าชีวิตไปแล้ว คือ Doug Hansen มีอาการสับสน มึนงงปวดหัว ทรงตัวไม่ได้ พฤติกรรมเปลี่ยก่อนที่เขาจะกระโดดทิ้งชีวิตตัวเอง ลงไปในขอบเหว จนทำให้ Rob Hall ที่อุตส่าห์เสี่ยงชีวิตมาช่วยถอนหายใจอย่างน่าเสียดาย
Doug เริ่มมีอาการตั้งแต่ที่ Camp 3 แล้ว เขาเริ่มไอมีเสมหะ ซึ่งบอกได้ว่า HAPE ได้มาเคาะประตูหน้าบ้านเขาแล้ว
Doug (เสื้อเหลืองคนด้านหลัง) ที่มีอาการสับเส และเดินเซ อย่างเห็นได้ชัด จนสุดท้ายเขาปลดเชือกที่ผูกเขากับ Rob ออก ก่อนจะทิ้งร่างตัวเองลงไปในเหว
Scott ตอนอยู่ที่ Camp 1 เขามีอาการไอมีเสมหะ นั่นแปลว่าน้ำกำลังท่วมปอดของเขาอยู่น้อยๆ ตอนนั้นหูเขาหนีบโทรศัพท์คุยกับ Rob อยู่ โดย Rob บอกให้เขาค่อยๆมา ไม่ต้องรีบ แต่ Scott จะเดินรวดเดียวจาก Camp 1 มาที่ Camp 3 เพื่อให้ทันทีมของ Rob ซึ่งเป็นการกระทำที่บ้ามากๆ
Scott เลือกทำสิ่งต้องห้ามคือ ฉีดยาเองแล้วไปต่อ ทำให้อาการทุกอย่างเลวร้ายลงเรื่อยๆ
ส่วนอาการของ HAPE นั้น ดูที่พระเอก Scott Fisher ตอนที่เจ้าตัวไปถึงที่ Camp 3 นั้น เห็นได้ชัดว่า เจ้าตัวกำลังถูก HAPE จู่โจมเข้าอย่างจัง เขาเริ่มมีอาการเหนื่อยง่ายกว่าปกติ ขนาดนั่งอยู่เฉยๆยังเริ่มเหนื่อย จน Rob ยังสังเกตได้ (อาการหายใจได้ไม่สุดนี่แทบจะเป็นอาการแรกๆที่เราสามารถสังเกตได้ง่าย)
หลังจากนั้น Scott ไปนอนอยู่ในเต๊นท์ใช่ไหมครับ เขาเริ่มมีอาการไอมีเสมหะ เนื่องจากน้ำกำลังท่วมปอดมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เขายังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังเอายามาฉีดเพื่อรักษาตัวเองอีก แล้วสุดท้าย Scott ก็ฝืนตัวเองขึ้นไปจนถึงยอดเอเวอเรสต์จนได้ แต่นั่นคือพลังเฮือกสุดท้ายที่เดิมธรรมชาติตั้งใจเก็บไว้ให้เขาใช้เพื่อพาตัวเองลงเขาตั้งแต่เริ่มมีอาการ แต่เขาดันเอามาใช้ขึ้นเขาแทน ผลสรุปก็คือ Scott ไม่สามารถพาตัวเองลงมาได้ และหมดแรงจนเสียชีวิตด้านบนในที่สุด
สรุป
- HACE ผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน เดินเซ เห็นภาพซ้อน ถ้ามีอาการรุนแรงมากจะมีชัก หมดสติ จนถึงเสียชีวิตได้
- HAPE ผู้ป่วยจะมีอาการเหนื่อยหอบ หายใจลำบาก อยู่เฉยๆก็เหนื่อย ภาวะนี้ทำให้เสียชีวิตได้
ร่างกายเราปรับตัวอย่างไรบ้าง
ร่างกายเราพยายามทำหลายๆอย่างเพื่อรักษาสมดุลที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น
- เราจะหายใจเร็วขึ้น (Increasing breathing) เพื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจนที่จะเข้ามาสู่กระแสเลือด โดยร่างกายเราจะมีจุดๆหนึ่งที่คอยเช็คปริมาณออกซิเจนในเลือดอยู่ เมื่อออกซิเจนในเลือดน้อย สมองจะสั่งให้เราหายใจเร็วขึ้นโดยอัตโนมัติโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่ผลของการหายใจเร็วขึ้นคือ จะทำให้ขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากเกินไป จนกลายเป็นภาวะเลือดเป็นด่างขึ้น (Respiratory alkalosis)
- โดยปกติเมื่อเลือดเป็นด่างเนี่ย ร่างกายเราควรจะหายใจช้าลงใช่ไหมครับ แต่บนภูเขา การหายใจช้าลงเราจะยิ่งแย่กว่าเดิม ธรรมชาติเลยออกแบบอวัยวะหนึ่งที่เรียกว่า “ไต” ให้มาช่วยปอดอีกแรง แต่ไตเนี่ยกว่าจะเริ่มเห็นผลมันช้าครับใช้เวลาเป็นวัน
- เราจะฉี่บ่อยขึ้น เมื่อเกิดภาวะเลือดเป็นด่างมากขึ้น ไตจะพยายามขับด่างออกจากร่างกาย แต่เวลาไตขับด่างออกไป มันไม่สามารถขับแต่ด่างได้ มันต้องขับไปพร้อมกับน้ำเสมอ เท่ากับว่าร่างกายเราขับด่างได้จริงแต่ก็เสียน้ำไปพร้อมๆกัน ถ้าเราไม่กินน้ำทดแทนไปไตก็ขับด่างไม่ได้ ร่างกายก็ทรุดลงกว่าเดิม ดังนั้นเขาถึงบอกว่าเวลาอยู่บนภูเขาให้กินน้ำเยอะๆ
- แต่สุดท้ายแล้ว ยังไงก็ตาม ถ้าอะไรที่มันเกิดขีดจำกัดไปเยอะ ร่างกายก็ปรับตัวไม่ทันอยู่ดีครับ อาการมันก็เกิดขึ้นจนได้
HAPE และ HACE ป้องกันได้อย่างไร
- เดินขึ้นไปช้าๆ ความสูงแต่ละวันไม่ควรห่างกันเกิน 500 เมตร รอให้ไตเราได้มีเวลาปรับตัวตามอย่างที่บอก
- กินน้ำให้มากๆ เพื่อจะได้ให้ไตทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ กำจัดด่างออกจากร่างกายได้เร็วที่สุด
- ห้ามกินเหล้าสุราโดยเด็ดขาด เพราะมันจะยิ่งทำให้เราฉี่มาก และสติตังเสียไปมากกว่าเดิม
- ถ้ามีอาการแล้วห้ามไปต่อโดยเด็ดขาด
- สำหรับ HAPE เรามีการกินยาป้องกันเช่น Acetazolamide (Diamox) หรือ Nifedipine หรือ Tadalafil ซึ่งอันนี้ควรไปปรึกษาแพทย์ถึงวิธีการใช้และป้องกันด้วยยาก่อน
- สำหรับ HACE เรามีการกินยาป้องกันเช่น Acetazolamide (Diamox) หรือ Dexamethasone แต่ควรไปปรึกษาแพทย์ถึงวิธีการใช้และป้องกันด้วยยาครับ
- ที่สำคัญที่สุด อย่าเดินไปไหนมาไหนคนเดียว แม้แต่นักปีนเขาที่เก่งที่สุดเขายังไปกันเป็นทีม เพราะเวลามีใครเริ่มทรงไม่ดี จะได้รับการช่วยเหลือทันครับ
HAPE และ HACE รักษาได้อย่างไร
สองอย่างนี้การรักษาที่ดีที่สุดคือ เอาลงมาจากภูเขาให้ถึงที่ๆต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ ต่ำเท่าไรยิ่งดี
จะด้วยวิธีไหนก็แล้วแต่ ขี่คอเพื่อน กอดคอเพื่อน โหนเปล เอาขึ้นจามรี หรือใส่เฮลิคอปเตอร์
แต่ระหว่างนี้ก็สามารถที่จะรักษาเบื้องต้น เพื่อให้มีชีวิตรอดระหว่างรอการช่วยเหลือ โดย HACE และ HAPE จะทำไม่เหมือนกันคือ
HAPE
- เพิ่มปริมาณออกซิเจนในเลือดให้มากที่สุด โดยการให้ดมจากถังออกซิเจนเท่าที่มีอยู่ ปกติถ้าเป็นทีมไปปีนเขาเรื่องนี้ทางหัวหน้าไกด์มักจะไม่ค่อยพลาด
- ใช้เจ้านี่เลยครับ Portable hyperbaric chamber หรือ Gamow bag ซึ่งการเอาตัวคนไปไว้ในถุงนี้ จะสามารถเพิ่มปริมาณออกซิเจนในร่างกายได้อีกเยอะเลย เสมือนกับพาเขาลงมาที่ๆต่ำกว่าพื้นที่นั้นถึง 1,000-2,000 เมตรเลยครับ
- ใช้ยารักษาคือ Nifedipine หรือ Tadalafil
HACE
- คล้ายๆกับ HAPE แต่ยาที่ใช้เราใช้ไม่เหมือนกันคือ
- ใช้ยา Dexamethasone
หากใครสนใจอุปกรณ์การเดินทาง เป้แบคแพค เสื้อแจ็คเก็ตกันลมกันฝน เสื้อขนเป็ด ลองจอน ถุงมือกันหนาว
สามารถเข้าไปเลือกชมสินค้าได้ที่ ร้านของพวกเรา The Puffin House