การนอนสนามบิน 2 แห่ง (นอนตรงไหน มีเน็ตฟรีมั้ย มีปลั๊กมั้ย เทคนิคและการเข้าเมืองอย่างถูกที่สุด)
ลองเปลี่ยนทัศนคติใหม่ การนอนสนามบินไม่ใช่สิ่งน่าอาย มีนักเดินทางทำกันมากมาย เพื่อประหยัดงบประมาณการเปิดห้องพักโรงแรม หรือค่านั่งรถบัสหรือรถไฟเข้าเมืองที่ไกลจากสนามบิน เรามาลองดูกันครับว่าสนามบิน 2 แห่งนั้น มีอะไรให้กับนักเดินทางบ้าง อย่าลืมเอาถุงนอนพกติดตัวไปด้วย เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นสำหรับการนอนในสนามบิน
6.1 ออสโล : Oslo Gardermoen Airport
นอนตรงไหน : หลังเดินออกมาจาก Arrivals ให้เลี้ยวซ้าย จะมองเห็นที่นั่งพิงยาวอยู่ เลือกนอนได้เลยครับ แต่ถ้าคิดว่านอนไม่ไหว หลังเสาใหญ่ ๆ ก็ปูถุงนอน ๆ ไปเลย แต่เวลาปูนอนก็น่าจะเลยเที่ยงคืนไปแล้วครับ เพราะคนไม่ค่อยมีไฟลท์ลงกันมาแล้ว หรือจะเป็นฝั่งแถวทางไปขึ้นรถไฟเข้าเมือง ที่จะมีเครื่องบินเล็กอยู่ มีบริเวณใต้บันไดเลื่อนครับ ที่เอาตัวเข้าไปนอนได้ นอกจากนี้ ยามดึกมาก ๆ ร้านอาหารหรือคาเฟ่จะปิดให้บริการ เราก็ไปนอนได้ครับ แต่ไม่ใช่นอนยัน 9 โมงเช้านะครับ เพราะคาเฟ่และร้านอาหารเค้าต้องเตรียมตัวเปิดร้านนะ
มีเน็ตฟรีมั้ย : ไม่มี ต้องจ่ายเงินเล่นครับ แต่ในกรณีที่เปิด roaming จะเล่นได้ฟรี 2 ชั่วโมงครับ สังเกตได้จากมือถือ จะมีชื่อผู้ให้บริการทางโทรศัพท์ อันนั้น คือ ลองต่อเล่น Wi-Fi ได้ แต่ถ้าขึ้น No service มาไม่ต้องลองครับ เล่นไม่ได้ T T
มีปลั๊กมั้ย : ไม่มีครับ ต้องใช้ Power Bank ชาร์จมือถือครับ
คำแนะนำ : พก eye cover หรือ ear plug ไอที่ปิดตา ปิดหู เพราะที่สนามบินจะมีทั้งเสียงและแสงรบกวน และอย่าให้ของมีค่าห่างจากตัวเราเป็นอันขาด เพราะของหายคงไม่มีใครรับผิดชอบแน่ ๆ นี่แหละ คือ ความท้าทายการนอนสนามบินครับ นอกจากนี้ เรื่องอาหารการกินในสนามบินอาหารแพงมากครับ แพงแค่ไหนก็เริ่มที่คนละ 350 บาท สำหรับแซนวิช ฮอทดอกครับ ถ้าใครไม่มีปัญหาก็ซื้อทานได้เลย ถ้าใครอยากประหยัดงบก็เอาข้าวกระป๋องกับอาหารซองโรซ่า (ฉีกกินได้เลย) จากไทยเนี่ยแหละไปกินกัน
การเข้าเมืองอย่างถูกที่สุด : นั่งรถไฟ NSB คนละ 90 NOK ต่อคนสำหรับขาเดียว (ราว ๆ 500 บาท) อย่าขึ้นรถไฟโดยไม่มีตั๋ว จะมีพนักงานตรวจตั๋วเสมอ อย่าสับสนกับ Flytoget รถไฟความเร็วสูง ราคาคนละเรื่องกันครับ ดูตารางเดินรถไฟที่หน้าจอ ให้ดูที่คำ NSB มันจะมาไม่ถี่เท่า Flytoget บางทีต้องรอเกือบชั่วโมงก็มี ใช้เวลาเดินทางเข้าเมืองไปจอดที่ Oslo Sentralstasjon (สถานีรถไฟหลักใจกลางเมือง) ราว ๆ 30 นาที
เว็บไซต์รถไฟ NSB >>> https://www.nsb.no/en/our-destinations/airport-by-train
6.2 เฮลซิงกิ : Helsinki-Vantaa airport
นอนตรงไหน : ได้ทั้งบริเวณก่อนออกจากประตู Arrivals และบริเวณหลังเดินออกจาก Arrivals ไปแล้ว ในส่วนเชื่อมต่อระหว่าง Terminal 1 และ 2 จริง ๆ ก็นอนได้หมดแหละครับ ถ้าจะนอนจริง ๆ
มีเน็ตฟรีมั้ย : มีครับ เล่นได้ฟรี ตลอดเวลา
มีปลั๊กมั้ย : มีครับ หัวกลมสองขา กระจัดกระจายทั่วสนามบิน
คำแนะนำ : เนื่องจากได้เดินสำรวจแล้วพบว่าที่นอนที่เวิร์คสุด คือ ที่นอนที่ยังไม่ออกจากประตู Arrivals ครับ จะมีทำเลเก้าอี้แบบไม่มีที่เท้าแขนให้เราเหยียดตัวนอนยาวได้ โดยมุมที่ควรนอน คือ มุมแถวเก้าอี้ที่มีฉากกำบังติดกับร้านอาหารชั้นลอย ใครจะเดินผ่านไปมาก็ไม่มีผลกระทบกับเราเท่าไหร่ แถมมีห้องน้ำตั้งอยู่ใกล้ ๆ เวลาจะนอนให้ใส่เสื้อผ้าหนา ๆ ถุงเท้าก็สวมไว้ด้วยครับ เพราะอากาศในสนามบินที่นี่ค่อนข้างหนาวเลย พวกผมต้องตื่นขึ้นมาใส่ถุงเท้ากับใส่โค้ทกลางดึกเลยทีเดียว แต่ถ้าหลังออกจากประตู Arrivals ไปแล้ว ก็หามุมที่เป็นเก้าอี้ยาว ๆ ไม่มีที่เท้าแขน จัดไปได้เลยครับ
การเข้าเมืองอย่างถูกที่สุด : นั่งรถ Shuttle bus คนละ 6.3 ยูโร มีรถบริการจากสนามบินตั้งแต่ 5.45 am ถึง 1.10 am ไปจอดที่สถานีรถไฟหลักของเมือง มีรถบริการไปสนามบินตั้งแต่ 5.00 am ถึง 0.00 am ออกจากสถานีรถไฟหลักของเมือง (รถจะออกทุก 20-30 นาที) ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
รายละเอียดตารางการเดินรถบัส
http://media.finnair.com/files/pdf/FINNAIR_CITY_BUS_TIMETABLE.pdf
ใครสนใจการใช้ชีวิตยามราตรีที่สนามบินทั่วโลกเข้าไปที่http://www.sleepinginairports.net/ ส่วนใครอยากเห็นบรรยากาศการนอนสนามบินแบบวิดีโอเราทำไว้ให้แล้วครับ
หากใครสนใจอุปกรณ์การเดินทาง เป้แบคแพค เสื้อแจ็คเก็ตกันลมกันฝน เสื้อขนเป็ด ลองจอน ถุงมือกันหนาว
สามารถเข้าไปเลือกชมสินค้าได้ที่ ร้านของพวกเรา The Puffin House