เที่ยวจอร์แดน สักครั้งในชีวิต รีวิวฉบับเต็ม 6 วัน แบบละเอียด

0
4897

เที่ยวจอร์แดน สักครั้งในชีวิต

เที่ยวจอร์แดน อย่าเชื่อใครว่า จอร์แดน ไม่ควรมา ถ้าเรายังไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองหรือยังไม่ได้หาข้อมูลหรืออีกหลายๆความเชื่อของภูมิภาคตะวันออกกลาง ที่ทำให้เรามองผ่านประเทศเล็กๆแห่งนี้ไปอย่างน่าเสียดาย เพราะทุกๆอย่าง มันตรงข้าม กับสิ่งที่พวกเขาบอกทั้งสิ้น ผมขออาสามาแก้ไขความเชื่อเหล่านี้ ให้เหล่าคนนอกอย่างเราได้รับรู้นะครับ ว่าประเทศนี้มันน่าเดินทางมาให้เห็นด้วยตาตนเองสักครั้งในชีวิตขนาดไหน! เสียดายที่ Facebook ให้ลงรูปได้แค่ 40 รูป เพราะจริงๆนี่แค่ส่วนน้อยของส่วนใหญ่ ถ้าดูแล้วบอกได้เลยว่า ถ้านี่ไม่สวย คงไม่มีที่ไหนในโลกที่สวยแล้ว

คาดว่า แรงบันดาลใจน่าจะพุ่งได้พอตัวแล้วนะครับ เอาละพร้อมแล้ว ลุยกันเลยครับ กับ 40 รูป ที่ผมคัดสรรมาแล้ว แล้วมาเดินทางไปพร้อมกันเลยยย


เรื่องราวที่น่าสนใจสำหรับคนที่กำลังวางแผนมา เที่ยวจอร์แดน

  • การเดินทางมา เที่ยวจอร์แดน

    • Royal Jordanian Airline สายการบินประจำชาติ เป็นเที่ยวบินตรงเดียวที่มีจากกรุงเทพไปกลับอัมมานครับ เวลาการเดินทางถือว่าดีมากๆ ประหยัดเวลาด้วยการเดินทางช่วงเวลากลางคืนเป็นหลัก ราคาจะสูงกว่าสายการบินอื่นๆ
    • เที่ยวบินอ้อม เช่น Gulf air หรือ Emirate ถ้ามีช่วงราคาโปรออกมา แบบลดเยอะๆก็น่าสนใจครับ
  • เรื่องของ Visa

    • ประเทศจอร์แดนมีสิ่งที่เรียกว่า “Jordan pass” ซึ่งเป็นบัตรผ่านทางที่รวมค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆหลายแห่งของประเทศจอร์แดน รวมถึงค่าเข้าเพตรา (Petra) ด้วยครับ โดยจะแบ่งขายเป็นแบบ 1-2-3 วัน แล้วแต่ความต้องการของเรา ซึ่งจะอิงกับระยะเวลาที่เราเข้าเพตราครับ โดยคนทั่วๆไปน่าจะเลือก 2 วัน แต่ราคาแตกต่างกันหลักร้อยครับ โดยสิ่งพิเศษคือ Jordan pass จะพ่วงมากับ Visa เลย ทำให้เราประหยัดค่าวีซ่าเข้าประเทศไปอีก โดยมีข้อยกเว้นข้อเดียวคือ “เราต้องอยู่ในจอร์แดนมากกว่า 3 คืนขึ้นไปครับ”
  • การเดินทางภายในจอร์แดน

    • ขับรถเที่ยวเอง ถ้ามาเป็นกลุ่มเล็กไม่เกิน 5-6 คน และมั่นใจในฝีมือการขับรถ ขับรถเที่ยวเองครับ ผมแนะนำมากๆเลย อาจจะยากตรงที่เป็นพวงมาลัยซ้าย ขับชิดขวา แต่ขับสักพักก็จะชินครับ ข้อดีของการเช่ารถขับเองคือ อยากไปไกลแค่ไหนก็ได้ อยากจะแวะตรงไหนก็ได้ สภาพถนนในเส้นทางท่องเที่ยวหลักถือว่าดี ตำรวจก็ไม่ยุ่งกับเรา โดยรวมๆถือว่าโอเคมากๆครับ สำหรับบริษัทเช่ารถที่แนะนำ ลองดูของ “Monte Carlo Queen Alia airport” นะครับ ผมใช้บริการมาถือว่าประทับใจ
    • จ้างคนขับ แต่ถ้าไม่อยากขับเอง การจะหาคนขับรถ Taxi สักคนเป็นผู้นำทางเรา ก็เป็นตัวเลือกที่ดีครับ แต่ค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้นมาก และจากข้อสรุปที่ผมได้มาจากหลายๆแห่งคือ เหมาคนเดียวไปเลย ดีกว่าไปแยกเหมาทีละรอบเป็นวันๆครับ รถสาธารณะทั่วไปหาได้ลำบากมาก โดยเฉพาะการเดินทางไปพื้นที่อย่าง Wadi Rum ที่แทบไม่มีรถสาธารณะครับ
  • ใช้เวลากี่วันดีในจอร์แดน

    • ไม่น้อยกว่า 5 วัน ถือว่าเป็นขั้นต่ำ เพราะเราจะเก็บสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆได้ครบครับ แต่ถ้าจะให้ดีก็เพิ่มอีก 1-2 วัน เป็น 7 วันอาจจะเป็นจำนวนในอุดมคติ คือ เที่ยวได้ทั้งภาคเหนือและภาคใต้ของจอร์แดนครบถ้วนครับ
    • ถ้ามีเวลา 5 วัน เราจะเที่ยวได้เฉพาะด้านใต้ได้แบบ ไม่รีบครับ
    • ถ้ามี 7-10 วัน เราจะมีเวลาไปด้านภาคตะวันออกของจอร์แดนที่เป็นพื้นที่ๆคนปกติไม่ค่อยไปกัน แต่น่าไปนะครับ ไปดูพวก Desert Castle ลอง google ดูนะครับ
  • จอร์แดน เหมาะกับใคร

    ผมว่าที่นี่เที่ยวได้ทุกคนครับ แล้วแต่ว่าเราชอบแบบไหน เราก็ให้เวลากับสิ่งนั้นๆเยอะ

    • ถ้าสายสิ่งปรักหักพัง ก็ไปลุยแนวๆซากอาณาจักรโรมันเลยครับ เมือง Amman, Jerash ไรแบบนี้
    • ถ้าสายประวัติศาสตร์สงครามครูเสด ก็มีปราสาทนักรบครูเสด เช่น Kerak หรือ Shobak
    • ถ้าสายแสวงบุญ ก็ไล่ตามเมืองเลยครับ Madaba, Mount Nebo, Bethany Beyond the Jordan
    • ถ้าสายธรรมชาติ ก็ ทะเลสาบเดดซี (Dead Sea) , ทะเลสาย Wadi Rum
    • ถ้าสายบู๊ ก็นี่เลย Wadi Mujib, Jordan trail
    • ถ้าสายชอบขับรถเที่ยว มีถนน 2 เส้น ที่วิวเทพมากคือ Dead Sea highway และ King’s Highway  สวยแบบสะกดตาทุกหลักกิโลเมตร
    • สายดำน้ำชอบทะเล ก็นี่เลยเมืองตากอากศด้านใต้ที่ติดกับทะเลแดงคือ Aqaba สามารถเอารวมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางไป Wadi Rum ได้ เพราะอยู่ใกล้กัน

และสุดท้ายที่ไม่ว่าจะชอบอะไร ก็ต้องมา Petra จะเห็นว่า เราสามารถเอาอะไรมาผสมกับอะไรก็ได้ เพราะสถานที่แต่ละแห่ง อยู่ไม่ไกลกัน ยิ่งถ้าขับรถเอง จะยิ่งวางแผนง่ายครับ

  • อาหาร

    • อาหารแขก เครืองเทศมา โรตี เคบับ เนื้อวัว แกะ แพะ ไก่ ไม่มีหมูครับเพราะเป็นประเทศมุสลิม นอกเหนือจากกรุงอัมมาน ที่สามารถหาอาหารไทยทานได้แบบง่ายๆ แล้ว ที่เหลือก็อาหารแขกรัวๆ ถ้ากินได้แบบนี้ก็สบายครับ แต่ถ้ากินยาก ก็เตรียมบางส่วนมาจากเมืองไทยแล้วมาผสมผสานก็ลงตัว
    • ผมไปกินอาหารไทยที่อัมมานมาด้วย แนะนำร้านชื่อ “Thai Room” เผื่อเอาไว้วันมาหรือวันกลับนะครับ แบบอยากกินผัดกะเพราไม่ไหวแล้วอะไรแบบนี้
  • แนะนำเรื่องที่พัก

ขอแนะนำ 3 สถานที่เที่ยวนะครับ เอาไว้เป็นไอเดีย

    • Dead Sea ถ้าเลือกได้ แนะนำให้เลือกพัก โรงแรมที่มีหาดส่วนตัวเลย จะดีมากๆ จะทำให้การแช่น้ำของเราฟินเป็นร้อยเท่าครับ ซึ่งโรงแรมพวกนี้ก็มักจะราคาสูงขึ้นกว่ากลุ่มที่ไม่มีหาดส่วนตัว หรือว่ามีแต่ไกลครับ โรงแรมเหล่านี้ก็เช่น Mövenpick, Hilton, Marriot, Crown Plaza หรือ Kempinski ครับ ถ้าตัวเลือกรองมา คือมีหาดเหมือนกัน แต่อยู่ไกลหน่อยต้องใช้ shuttle แต่คุณภาพยังดีคือ Ramada
    • Petra ถ้าสามารถเลือกโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆทางเข้าก็ดีครับ เวลาเดินเข้าเดินออกก็สะดวก มี 2 แห่งที่ชัยภูมิดีมากๆคือ Petra Guesthouse และ Mövenpick ส่วนของ Crowne Plaza จะเขยิบออกมาอีกนิด
    • Wadi Rum ที่พักมีหลายแห่งมากๆ แต่ทีเป็นไฮไลท์ เห็นจะเป็นการนอนแบบ Dome ที่เรียกว่า Martian dome จะมี 2 แห่งคือที่ Sun City และ Mazayen camp ต้องรีบจองนะครับ ความต้องการสูงมาก และอีกแห่งที่แนะนำคือ Bubbletree ครับ หรือจะเป็นเต๊นท์สไตล์เบดูอิน แต่สิ่งอำนวยความสะดวกระดับโรงแรมก็มีให้เลือกอีกมากเช่นกัน
  • การขับรถในจอร์แดน (ถ้าจะขับเอง)

    • ขับพวกมาลัยซ้าย ชิดเลนขวา เวลาแซงต้องแซงซ้าย
    • ปั๊มน้ำมันมีตลอดทางครับ มีเด็กปั๊มคล้ายๆไทย ผมว่าเรื่องน้ำมันไม่ใช่ปัญหาสำหรับที่นี่
    • ในปั๊มใหญ่ๆจะมี supermarket คล้ายๆ 7-11 บ้านเรา ตุนเสบียงได้ครับ ของในนี้ถูก โดยเฉพาะน้ำเปล่า
    • ถ้าพึ่งได้รถมา แนะนำให้เที่ยวสถานที่ๆรถไม่เยอะก่อน จะได้คุ้นเคยเช่น ไป Madaba, Dead sea แบบนี้ครับ
    • ถ้าไป Petra ถ้ามีรถเอง ขับไปจอดที่ parking ได้เลย มีเยอะมากครับ แล้วก็เดินไปเทียวได้ สะดวกสบาย
    • ถ้าไป Wadi Rum ถ้าที่พักมีถนนเข้าถึงเช่น Sun city ก็ขับไปได้เลยเช่นกันครับ แต่ถ้าที่พักบางแห่งไม่มีถนนไป ต้องเอารถไปจอดที่ Visitor center แล้วต่อรถของทางโรงแรมไปครับ
  • สภาพอากาศ

    • หน้าร้อน – ร้อนมาก และ หน้าหนาว – หนาวมาก เช่นเดียวกัน
    • แต่คนไทยถ้าจะมาจอร์แดน มาหน้าหนาวดีกว่า เพราะบ้านเราร้อนพอแล้วครับ หน้าหนาวของทีนี่คือ ฤดูท่องเที่ยวของที่นี่ครับ ราวๆเดือน ตุลาคม ถึง เมษายน ของทุกๆปี ให้เช็คอุณหภูมิดีๆนะครับ แล้วอาจจะตกใจว่าทำไมทะเลทรายถึงหนาวขนาดนี้
  • Petra กับเรื่องน่ารู้

คำถามยอดฮิตครับ ว่าจะซื้อ Jordan pass กี่วัน เพราะมันคือจำนวนวันที่เข้าเพตราได้ ผมสรุปได้แบบนี้ครับ

    • เพตรา ใหญ่มาก และไม่ได้มีเพียงแค่สถานที่ๆเราเห็นจากภาพโปสการ์ด (เหมือนนครวัดที่ไม่ได้มีเพียงแค่ปราสาทนครวัด แต่ยังมีนครธม และปราสาทอีกจำนวนมากกก)
    • หนึ่งในการถ่ายรูปเพตราให้สวย คือต้องขึ้นที่สูง และที่สูงแต่ละแห่งเดินไกล บางจุดชันมาก ถ้าอยากจะไปเก็บทุกจุดชมวิว จุดสูงสุดของเพตรา ต้องมีเวลาไม่น้อยกว่า 2 วันแน่ๆ
    • ถ้าจะเอาแค่มาถ่ายรูปภาพไอคอน แล้วกลับแบบนี้ 1 วันก็พอแล้ว
    • เพตรา เป็นสถานที่ๆเดินเยอะมากๆนะครับ ใช้คำว่าเยอะจริงๆ คือเดินไม่น้อยกว่า 5 กิโลเมตรต่อวันแน่ๆ ถ้าฟิตๆ อาจจะร่วม 10 กิโลเมตร
    • อาหาร กับ น้ำในเพตราแพงมากๆ ครับ แต่ก็เข้าใจว่าทำไมถึงแพง แต่ถ้าอยากประหยัดให้เตรียมเข้ามา ในเพตรามีภัตตาคารอยู่แห่งเดียวที่ดูแล้วเหมือนร้านอาหารที่สุดคือ Restaurante Crown Plaza Basin ครับ
    • ถ้าอยากเก็บแรงไว้ ไม่อยากเดินเยอะ หรือมีผู้ใหญ่มาด้วย ให้ใช้ ม้า ลา อูฐ ใช้เข้าไปครับ สัตว์พวกนี้ช่วยผ่อนแรงให้เราเยอะมาก และเราไม่ต้องไปตามหานะครับ เพราะจะมีชาวบ้านเขามาตามหาเราเอง ส่วนที่เหลือก็ไปต่อราคากันเอง แต่ที่แน่ๆคือ ราคาที่เปิดมาคือราคาบอกผ่านที่เตรียมไว้ให้เราเอาไว้ต่อครับ
    • Petra by Night มีแต่คนชอบคือชอบไปเลย กับ เกลียดคือเกลียดไปเลย ถ้าถามผมนะมันคือจริตส่วนตัวล้วนๆ สามารถอ่านได้จาก TripAdvisor ได้เลยครับ ว่าเราจะยอมเสียเงินเพิ่มเติมเพื่อไปดูไหม เพราะต้องเดินเข้าไปกลับอีกร่วมๆ 4 กิโลเมตรในช่วงกลางคืนครับ
  • เรื่องราวของ วาดีรัม Wadi Rum

    • ที่นี่ได้รับการขนานนามว่า “ดาวอังคารที่อยู่บนโลก”
    • วิธีการเดินทางของทีนี่คือการใช้ จี๊ป 4WD เปิดประทุน ท่องไปในทะเลทรายอันกว้างใหญ่ ขึ้นอยู่กับเวลาที่เรามี 2-4-6-8-10 ชั่วโมง คนขับรถจะเป็นคนจัดการเวลาให้เราครับ
    • เราสามารถไปหาชาวบ้านที่ขับรถได้จาก visitor center ครับ
    • ถ้าไม่สะดวกก็ให้ทัวร์ท้องถิ่นจัดการให้ได้ เขาจะได้เอารถมาเจอเราที่โรงแรมเลยก็สะดวกดีครับ
    • มีอูฐด้วย แนะนำให้ขี่เลย มันพีคมากๆครับ
  • แนะนำแผนการเดินทาง

ผมยึดตามไฟลต์ของ Royal Jordanian ละกันนะครับ ให้ไว้ 3 แผนคือ 5-6 วัน

แบบ 5 วัน

    • Day 1 : QAIA – Madaba – Mount Nebo – Dead Sea
    • Day 2 : Dead Sea highway – Kerak castle – Shobak castle – Little Petra
    • Day 3 : Petra
    • Day 4 : King’s highway – Wadi Rum
    • Day 5 : Amman

แบบ 6 วัน (แบบไป Jerash)

    • Day 1 : QAIA – Jerash – Madaba
    • Day 2 : Madaba – Mount Nebo – Dead Sea
    • Day 3 : Dead Sea highway – Kerak castle – Shobak castle – Little Petra
    • Day 4 : Petra
    • Day 5 : King’s highway – Wadi Rum
    • Day 6 : Amman

แบบ 6 วัน (แบบไป Aqaba)

    • Day 1 : QAIA – Madaba – Mount Nebo – Dead Sea
    • Day 2 : Dead Sea highway – Kerak castle – Shobak castle – Little Petra
    • Day 3 : Petra
    • Day 4 : Petra – King’s highway – Aqaba
    • Day 4 : Aqaba – Wadi Rum
    • Day 5 : Amman

***ระหว่างมีสถานที่ท่องเที่ยวเช่น Wadi Mujib , Dana Biosphere reserve ที่สามารถแทรกได้ครับ***

สำหรับถ้าใครมี 7 วัน ก็เอาอีก 1 วันมาเพิ่มที่ Petra หรือแวะทำกิจกรรมต่างๆมากขึ้นได้ครับ พร้อมแล้วไปลุยพร้อมๆกันเลยครับ

กรุงอัมมาน (Amman)

กรุงอัมมาน เมืองหลวงแห่งการคุมโทน ที่นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการ เที่ยวจอร์แดน ไม่มีอาคารใดๆที่สร้างแล้วมีรูปร่างหรือสีสรรที่แบ่งแยกจากเพื่อนเลย ปกติแล้วเกือบจะทุกคนที่บินมาลงจอร์แดนจะมาลงที่สนามบิน Queen Alia International Airport (QAIA)  สนามบินแห่งนี้ถือว่าโอเคเลย ในแง่ของการจัดการครับ ถ้าใครที่เช่ารถ เขาก็มักจะมาส่งรถให้เราที่นี่ได้เลยครับ

สำหรับการแลกเงิน ไม่แนะนำให้แลกที่เคาท์เตอร์ตรงที่รับกระเป๋าขาออกนะครับ แต่ให้มาแลกที่เคาท์เตอร์ตรงส่วนด้านภายในอาคารผู้โดยสารแล้ว จะได้เรทที่ดีกว่ามาก

Dead Sea highway ทางหลวงสายเดดซี

ทะเลสาบเดดซี คือความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ เพราะ ที่นี่คือจุดที่ต่ำที่สุดในโลก ด้วยความต่ำถึง ประมาณ 400 เมตร ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลครับ หนึ่งในชุดดูทะเลสาบเดดซีจากมุมสูง ผมแนะนำที่นี่ครับ “Dead Sea Panorama Complex” ลอง google กันดูครับ

Jordan Rift Valley
ทะเลสาบเดดซี เป็นส่วนหนึ่งของจอร์แดนริฟต์วัลเลย์ ส่วนหนึ่งของรอยแยกแผ่นเปลือกโลกขนาดใหญ่ที่เริ่มตั้งแต่ประเทศจอร์แดนไปจนถึงภูมิภาคแอฟริกาตะวันออก ทะเลสาบเดดซียังเป็นพรมแดนธรรมชาติกั้นประเทศอิสราเอลที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

ผมมาจอร์แดนรอบนี้ ผมมาคุณแม่มาเที่ยวด้วย และค้นพบว่า “จอร์แดน” เป็นประเทศที่เหมาะกับการพาผู้ใหญ่มากเที่ยวมากๆ เพราะมี 3 สิ่งที่ ผู้ใหญ่ หรือ ผู้สูงอายุชอบครับ

  • ที่พักได้มาตรฐาน ห้องน้ำได้มาตรฐาน
  • การเดินทางสะดวก รถถึง
  • ปลอดภัย ไร้กังวล

ทำไมทะเลสาบเดดซี ถึงทำให้เราลอยตัวได้??

  • เพราะความเข้มข้นของเกลือในทะเลสาบเดดซีนั้นสูงมากๆๆๆ
  • ทุกคนจะสามารถลอยตัวได้ โดยที่ไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องตีขา
  • สาเหตุของความเค็ม ส่วนหนึ่งมาจาก การที่น้ำค่อยๆระเหยไปเรื่อย ในขณะที่ปริมาณเกลือมีเท่าเดิม
  • ในอนาคต ทะเลสาบเดดซี อาจจะกลายเป็นบึง และสุดท้ายก็แห้งไปครับ

ปราสาทเครัก (Kerak) 

หนึ่งในปราสาทของอัศวินครูเสด หนึ่งในปราสาทที่ใหญ่ที่สุด ทางฝั่งตะวันออกของนครเยรูซาเลม ถ้าท่านใดที่เคยดูหนังเรื่อง The Kingdom of Heaven เราจะเจอปราสาทนี้ ว่าเป็นที่อยู่ของผู้ปกครองผู้บ้าระห่ำนามว่า Raynald of Châtillon  ปราสาทนี้ เป็นสถานที่ๆไม่ควรพลาด สำหรับสายประวัติศาสตร์ครับ ถ้าให้ดี หา local guide มานำทางให้เราด้วย จะได้อินมากยิ่งขึ้น

ปราสาท Kerak และ ปราสาท Shobak

ในแนวป้องกันฝั่งตะวันออกของนครเยรูซาเลมในช่วงยุคกลาง ปราสาท Kerak คือจุดศูนย์กลางแนวป้องกัน
และมีปราสาท Shobak อีกแห่งที่ถัดลงมาทางใต้ครับ ความสมบูรณ์ของปราสาทนี้จะน้อยกว่าแห่งบน แต่ได้อารมณ์มากกว่าเพราะใกล้เคียงของเดิมครับ

Wadi Musa
จุดศูนย์กลางการท่องเที่ยว “นครเพตรา” ร้านอาหาร ที่พัก โรงแรม หรืออะไรก็ตามสำหรับนักท่องเที่ยว จะตั้งอยู่ในเมืองนี้ครับ

“เพตรา” จากมุมสูง เราจะเห็นเลยว่า ทำไม เพตรา ถึงหลบซ่อนตัวจากโลกภายนอกได้หลายพันปี
จนกระทั่งในปี ค.ศ.1812 Johann Ludwig Burckhardt นักเดินทางชาวนอร์เวย์ ถึงได้ค้นพบและประกาศสู่โลกภายนอก ที่เห็นเป็นเส้นหุบเหวสีดำ เบื้องล่างคือ The Siq (Al-siq) ทางเดินหลักสู่นครเพตรา

ในช่วงวินาทีสุดท้ายก่อนที่ภาพติดตาของคนทั่วโลกจะปรากฎต่อหน้าเรา ที่นี่คือ “The Treasury” 

The Treasury ภาพติดตาของคนทั่วโลกที่ทำให้เพตรากลายเป็น New 7 wonders of the world ผม กับ คุณแม่ อยากให้ทุกคนได้มีโอกาสพาคุณพ่อ คุณแม่ มาเที่ยวที่นี่นะครับ เพราะมันสวยมากจริงๆ

จุดชมวิวเพตรา มีหลายจุดมากๆ ระหว่างทางจะมีชาวบ้านมาถามไถ่ตลอดเวลาจนสุดท้ายผมก็ได้มีโอกาสมาถึงจุดชมวิวทางด้านขวามือของ The Treasury ซึ่งทางเดินชันมาก แต่วิวที่เห็น ถือว่าคุ้มค่าแก่การใช้แรงครับ
ที่นี่จะสวยสุดคือก่อนเวลา 11.00 เพราะหลังจากนี้ พระอาทิตย์จะสูงขึ้นไป และมุมแสงตกกระทบจะไม่เข้าสู่ตัว The Treasury

อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่า เพตรามีจุดถ่ายรูปเยอะมากครับ และแต่ละแห่งใช้แรงล้วนๆ ที่นี่คือจุดชมวิวทางฝั่งซ้ายมือของ The Treasury

ผม และ น้องอูฐหนึ่งในกิจกรรมที่ห้ามพลาดก็คือการอยู่บนหลังน้องอูฐนี่เอง  ถ้าไปจ้องหน้าอูฐดีๆ ผมว่าอูฐก็เป็นสัตว์ที่หน้าตาน่ารักพอสมควรเลย

จาก The Treasury เดินไปเรื่อยๆ จะผ่านสถานที่สำคัญอีกมากมาย เช่น Street of Facades, Nabatean Theatre และ Royal Tombs ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามในขณะนี้

นอกเหนือจาก The Treasury แล้วยังมีอีกสถานที่ๆถือว่าสวยงามตามท้องเรื่องไม่แพ้กัน เป็นอีกภาพติดตาของคนทั่วโลกที่มีต่อ นครเพตราครับ ที่นั่นคือ The Monastery อลังการงานสร้าง คุ้มค่าความเหนื่อย
ที่นี่จะสวยสุดต้องมาตอนบ่ายเท่านั้น ยิ่งบ่ายแก่ๆ ยิ่งสวย 

อีกหนึ่งมุมพิเศษที่ห้ามพลาดถ้ามาถึง The Monastery

Photo credit : Shutterstock
Photo credit : Shutterstock

Petra by Night

การมานั่งฟังดนตรีโบราณขับกล่อมพร้อมเล่าเรื่องราวของชนชาติผู้สร้างเพตรา ท่ามกลางแสงเทียน เหนือเราเป็นแสงดาว ต่อหน้า The Treasury มันจะให้ความรู้สึกที่ดีแบบสุดๆได้ขนาดไหน อันนี้คือ คำโปรย ของ Petra by Night ที่ส่งสารออกไปทั่วโลก
ฉากสุดคลาสสิคของ Petra by Night ทุกๆวันจันทร์ อังคาร และ พฤหัส หลังเวลา 20.00 น. เขาจะเปิดขายบัตรผ่านทางพิเศษเพื่อเข้ามายัง The Treasury ที่เต็มไปด้วยแสงเทียนท่ามกลางหมู่ดาว

สำหรับการมา Petra by Night เป็นอะไรที่ถกเถียงกันมาก ว่าคุ้มค่าแก่การมาไหม ผมคงไม่ลงรายละเอียด แต่ขอให้ไปอ่านจาก TripAdvisor นะครับ มีข้อมูลจำนวนมาก ***แต่ความเห็นโดยส่วนตัวคือ คนเยอะมาก เยอะจนเราไม่สามารถนั่งได้อย่างสบาย และด้วยการจัดการเรื่องที่นั่งที่ไม่ดี ทำให้บรรยากาศแห่งความสงบหายไปอย่างน่าเสียดาย

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการถ่ายรูปคือ เข้ามาเป็นคนชุดแรกที่เขาเปิดให้เราเดินเข้ามา แล้ววิ่งมาให้เร็วที่สุดครับ ก่อนที่กองทัพผู้คนจะเดินตาม และอีกช่วงคือออกไปเป็นคนกลุ่มสุดท้ายนั่นเอง

ดาวอังคาร บน ดาวโลกหลังจากเพตรา ก็ได้เวลาเปลี่ยนโหมดอารมณ์สู่ทะเลทราย

ถึงจะเปิดประทุนกลางแดดแบบนี้ แต่อากาศไม่ร้อนเลย เที่ยวได้สบายครับ สำหรับการเดินทางมาหน้าหนาวที่นี่

The Martian หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ Wadi Rum เป็นที่รู้จักก็คือ เป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Martian นั่นเอง

Seven Pillars of Wisdom หนึ่งในประติมากรรมหินชื่อดังของ Wadi Rum

กิจกรรมขี่อูฐ เป็นอะไรที่ห้ามพลาดของที่นี่

Photo credit : Shutterstock
Photo credit : Shutterstock
น้องอูฐตัวนี้น่าสงสาร โดนปิดปากเอาไว้
นักท่องเที่ยวมารวมตัวรอดูพระอาทิตย์ลาลับเส้นขอบฟ้ากันครับ
Photo credit : Shutterstock
หนึ่งในสถานที่พักที่ผมเลือกมาโดยเฉพาะเลย คือที่นี่ครับ “The Martian dome at Sun City”
สรรพคุณคือ สร้างบรรยากาศการพักแบบดาวอังคารให้เราแค่นี้ก็เพียงพอจะพาผมจากเมืองไทยมาถึงจอร์แดนแล้ว ข้างในโดมแบบว่ามีครบทุกอย่างที่เราต้องการจากมาตรฐานโรงแรมครับ อยู่สบาย กลางคืน ยิ่งเหมือนอยู่ต่างดาวมากขึ้นไปอีก The Martian dome จากมุมสูงเหมือน ดาวอังคาร ไหมครับ

หลังจากใช้เวลากับ Wadi Rum ไปเกือบๆ 1 วันเต็ม ก็เตรียมตัวได้เวลาร่ำลากันแล้ว ผมจะขับรถรวดเดียวถึงอัมมานเลยครับ

จาก Wadi Rum กลับมาถึง Amman จะใช้เวลาขับรถประมาณ 4 ชั่วโมง ผ่าน Desert highway สู่เมืองหลวงโบราณที่นี่มีแหล่งอารยธรรมโบราณโรมันกระจายอยู่ในเขตเมืองเก่าจำนวนมาก ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองหลวงของตะวันออกกลางที่น่าค้นหา

วินาทีสุดท้ายที่การเที่ยวจอร์แดน ผมให้คะแนนเต็มสำหรับประเทศนี้เลยนะครับในเวลาสั้นๆแค่ 5-6 วัน กับ ประสบการณ์สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งที่ไม่สามารถหาจากที่อื่นๆบนโลกได้อีกแล้ว ผู้คนน่ารัก เดินทางได้อย่างปลอดภัย เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะแนะนำจอร์แดนให้เป็นจุดหมายของทุกๆคนได้อย่างไม่ต้องกังวล

ไป เที่ยวจอร์แดน กันเถอะครับ เชื่อผม แล้วจะไม่ผิดหวังแน่นอน

จอร์แดน จะทำให้ภาพของตะวันออกกลางในความคิดของเรา เปลี่ยนไปตลอดกาล

หรือสนใจศึกษาโปรแกรมทัวร์ประเทศจอร์แดน อ่านที่นี่เลยครับ >>> โปรแกรมทัวร์จอร์แดน