หยุดเวลาไว้ที่ “บ้านป่าบงเปียง”

0
4548

บ้านป่าบงเปียง

เราได้ยินชื่อนี้ก่อนจะเดินทางไปเชียงใหม่ได้สองวัน พอเสิร์ชดูรูปและรีวิว ถึงขั้นเปลี่ยนแพลนเที่ยวกะทันหัน แต่แน่นอนการที่จะจองที่พักที่บ้านป่าบงเปียงล่วงหน้าแค่สองวันเป็นอะไรที่แทบเป็นไปไม่ได้ ยิ่งเป็นช่วงวันหยุดยาวด้วยแล้ว ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ แต่ก่อนจะถอดใจก็ขอลองดูสักตั้ง จึงพยายามไล่โทรหาที่พัก Home Stay ที่บ้านป่าบงเปียง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านชาวบ้านที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาพัก มีแค่ 8 หลัง และพบว่าไม่มีที่ไหนว่างเล้ยยยย

แต่…..

เด๋วววว

ยังงงงง ยังงงงงงก่อน ยังไม่ถอดใจง่ายๆแน่ๆ

ไม่มีที่พัก ทำไงถึงจะได้พัก?

นั่งคิดสักพัก ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรไปหาที่พักชื่อ ระเบียงนา อีกรอบ

“ไม่ทราบว่าห้องพักคืนวันที่ 22 ตุลาคม เต็มหรือยังค่ะ” (ตีเนียนถามอีกรอบ เผื่อๆ)

“เต็มแล้วครับ”

“ขอโทษนะคะ มีเต็นท์ให้เช่านอนมั้ยคะ” (งัดแผนสองออกมาใช้)

“มีครับ”

“เต็มหรือยังคะ”

“ยังครับ”

:))

การเดินทางไปบ้านป่าบงเปียงจึงเริ่มขึ้น

เราเดินทางจากกรุงเทพโดย

รถบัสรอบดึกซึ่งจะถึงสถานีขนส่งเชียงใหม่(อาเขต3)ตอนเช้าตรูพอดี

พอลงจากบัสก็นั่งรถโดยสารกระบะแดงหรือรถแดง(อยู่ข้างอาเขต3)ไปลงที่ ประตูเชียงใหม่

ต่อรถเหลืองไปลงที่อำเภอจอมทอง

แล้วก็ไปต่อรถเหลืองอีกรอบเพื่อไปแม่แจ่ม บอกคนขับว่าลงตรงทางแยกน้ำตกแม่ปาน

พอถึงทางแยกน้ำตกแม่ปานแล้วก็มารอรถที่เรานัดให้เค้ามารับเพื่อเข้าไปที่บ้านป่าบงเปียง รอได้ไม่นานก็เห็นรถกระบะไมตี้สีขาวมาแวะจอด หลังถามไถ่ว่าใช่พี่วัฒคนที่เรานัดมั้ย ก็มุ่งหน้าเข้าบ้านป่าบงเปียงกันเลย

จริงๆมันมีทางเข้าสองทางนะ แต่เส้นทางที่เรามาเรียกว่า เส้นทางอินทนนท์-แม่แจ่ม เส้นทางนี้ควรใช้รถโฟร์วิล 4WD หรือรถกระบะ ซึ่งเราโทรนัดให้พี่วัฒจากที่พักชื่อระเบียงนามารับตรงทางแยกน้ำตกแม่ปาน ราคาเหมาจ่ายไปกลับอยู่ที่ 700 บาท เพราะถนนหนทางจากทางแยกน้ำตกแม่ปานมาบ้านป่าบงเปียงเป็นทางดินลูกลังที่มีน้ำขัง เป็นหลุมเป็นบ่อ ขนาดพี่วัฒผู้มีประสบการณ์ขับยังเกือบติดหล่มไปสองรอบ เพราะฉะนั้นเราว่าต้องเป็นคนขับที่ชำนาญเส้นทาง ไม่งั้นติดหล่มแน่ๆ ทางก็ไม่ราบเรียบ นั่งไปก็กระเด็นกระดอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ท้ายกระบะ สนุกไปอีกแบบ555 ถ้าขี่มอเตอร์ไซด์หรือขับรถมาเองแนะนำขึ้นอีกทาง คือขึ้นจากฝั่งตัวเมืองแม่แจ่ม เส้นทางจะดีกว่า  แต่ระยะทางไกลกว่า

จังหวะก่อนใกล้ถึงที่พัก จะเจอทุ่งข้าวสวยงามข้างทางเต็มไปหมด และสักพักรถก็มาจอดอยู่ที่หน้าบ้านระเบียงนา ซึ่งเป็นที่พักของเราคืนนี้ เจ้าของบ้านระเบียงนา พาเราไปเลือกทำเลกางเต็นท์ ระหว่างรอเค้ากางเต็นท์เราก็เดินสำรวจ เดินลัดเลาะนาขั้นบันไดลงไปข้างล่าง และค้นพบว่าต้องเดินด้วยความระมัดระวังนะ เพราะขั้นๆหนึ่งสูงอยู่ และตกลงไปก็ไม่เจ็บหรอก แต่เปียก+สงสารต้นข้าวT_T


“ คุ้มแล้วที่เปลี่ยนใจ” ก้อยเพื่อนที่ไปด้วยกันพูดขึ้นมาขณะนั่งตะลึงกับวิวนาขั้นบันไดหน้าเต็นท์ที่เราพักที่บ้านป่าบงเปียง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ แค่นั่งมองจากเต็นท์ที่พัก มองวิวนาขั้นบันไดจากมุมสูง ขณะที่ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีไปจนแสงอาทิตย์ค่อยๆลับตาไป ก็สุขใจสุดๆ

 


ตามล่าช้างเผือก

ค่ำคืนที่มืดมิด ห่างจากแสงรบกวนในเมือง เป็นคืนที่เหมาะในการตามล่าทางช้างเผือก เราคิดภาพไว้เช่นนั้น จึงแบกขาตั้งกล้องมาเพื่อฝึกถ่ายทางช้างเผือก รีวิววิธีถ่ายภาพ วิธีการตามล่า โหลดแอพ Sky Map สำหรับล่าช้างมาเรียบร้อย ปรากฏว่า ฝนตกหนัก5555 ฮืออออออ

แต่เมื่อฝนตกก็ต้องมีเวลาที่ฝนจะหยุดตก เราเฝ้ารอจนฝนหยุด แต่ด้วยฟ้าที่ไม่ค่อยเป็นใจ มืด แต่มีเมฆบังดาว ทำให้แทบมองไม่เห็นอะไร แต่เดี๋ยวสักพักเมฆก็จะเคลื่อนไปตามลม ใจเย็นๆ รอไปก่อน เรารอไปเรื่อยๆ ระหว่างรอเราก็นั่งหาตำแหน่งทางช้างเผือกโดยใช้แอพ Sky Map ส่อง หลักๆก็คือส่องหาบริเวณ กลุ่มดาวแมงป่อง (Scorpius) หรือ กลุ่มดาวคนยิงธนู (Sagittarius) เพราะเป็นกลุ่มดาวที่อยู่แถวๆใจกลางทางช้างเผือกมากที่สุด


นอกจากการล่าช้างจะทำให้เราได้เห็นความอลังการของทางช้างเผือกแล้ว การล่าช้างยังทำให้เจอเพื่อนที่ชอบถ่ายรูปเหมือนๆกัน ออกมาเวลาเดียวกัน เล็งมุมๆเดียวกัน และต่างเอาภาพถ่ายที่ได้มาพลัดกันชม:)

 


ที่พักหลักร้อย วิวหลักล้าน

การได้ตื่นนอนมาแล้วเห็นวิวตรงหน้าแบบนี้มันฟินจริงๆ อาหารเช้ามาเสริฟหน้าเต็นท์ เรากินข้าวไปก็ตะลึงกับวิวนาขั้นบันไดไป 555 ยังตะลึงไม่เลิก สวยจริงอะไรจริง การได้มาเห็นที่ๆมีสีเขียวชุ่มฉ่ำขนาดนี้ มันสบายตา สบายใจจริงๆนะ

ลืมบอกไปจ้า ราคาเช่าเต็นท์รวมอาหารเย็นและเช้าราคา 400 บาทต่อคนน้า

 


เล่าประสบการณ์การโบกรถครั้งแรก😉

พี่หน่อย ผู้ชื่นชอบในการเที่ยวที่เชียงใหม่มากขนาดยอมเลือกมาเรียนต่อเอกที่เชียงใหม่ พี่หน่อยขับมอเตอร์ไซด์ขึ้นมาบ้านป่าบงเปียงคนเดียว ไม่จองที่พักใดๆทั้งสิ้น สุดท้ายคือได้มานอนเต็นท์ข้างๆเรา พี่เป็นคนจุดประกายเราว่าน้องโบกรถกลับเลยนะ ไม่ต้องรอรถเหลือง แล้วย้ำกับเราว่า “คนไทยมีน้ำใจ” เราก็รู้สึกว่า เห้ย! น่าลองนะ แต่ก็มีความกลัวเข้าครอบงำ

พอพี่วัฒมาส่งเราตรงทางแยกน้ำตกแม่ปาน พี่วัฒก็บอกเราว่ารถทุกคันที่ผ่านตรงนี้เข้าเมืองหมด โบกได้เลยนะถ้าไม่อยากรอรถเหลือง เค้ามีน้ำใจกัน พี่วัฒพูดเหมือนพี่หน่อยเป๊ะ ทำให้เรากับเพื่อนเริ่มมีความมั่นใจ อยากลองดูซักตั้ง

เราจึงเริ่มเล็งรถ คิดว่านั่งท้ายรถกระบะน่าจะดี(คิดเองเออเองกันสองคน) ยืนเก้ๆกั้งๆไม่มั่นใจว่าสิ่งที่กำลังคิดจะทำมันโอเคมั้ยนะ สักพักยังไม่ทันได้เริ่มโบก สิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น มีรถ Toyota Yaris สีขาวแวะจอดตรงหน้าเรา แล้วเปิดกระจก พร้อมกับถามว่า “ไปไหนเหรอลูก” เราก็ตอบไปว่าจะเข้าเมืองค่า เค้าก็บอกว่าที่นั่งข้างหลังว่างแต่เบียดหน่อย ไปมั้ย เค้าก็จะเข้าเมืองเหมือนกัน แน่นอนว่าเราไม่รีรอที่จะตอบว่า ไปค่ะ:)

คือ ณ เวลานั้นดีใจมากเลยนะ คำพูดพี่หน่อยกับพี่วัฒลอยขึ้นมาเลยว่า “คนไทยมีน้ำใจ” พี่ทรายคนขับกับคุณแม่ และมีคุณน้านั่งข้างหลังอีกคนชวนเราคุยตลอดทาง แม่พี่ทรายเล่าว่าสมัยสาวๆ เค้าเที่ยวแบบโบกรถตลอดเลยนะ เค้าชอบเที่ยวมาก น่าจะเที่ยวทั่วไทยมาล่ะ แถมคุณแม่ยังชวนไปทานข้าวกันต่อ แต่เราก็เกรงใจ เลยไม่ได้ตอบตกลงไป เค้าเลยจอดรถส่งเราที่ถนนรอบคูเมือง

คือบางทีก็ไม่รู้จะแสดงออกยังไงนะคือในใจรู้สึกซาบซึ้งจริงๆ เราไม่รู้จะแสดงออกยังไงให้เค้ารู้ว่าเราโคตรรู้สึกขอบคุณเลย เราได้แต่ยกมือไหว้แล้วพูดขอบคุณซ้ำๆ เรารู้สึกโชคดีจริงๆ ประสบการณ์โบกรถครั้งแรกดีทีเดียว ขอบคุณพี่หน่อย พี่วัฒ พี่ทราย คุณแม่และคุณน้าพี่ทรายมากๆนะค่ะ :)))

 


Farm Story House กับ กาแฟดริปแก้วแรก

Farm Story House ที่พักเกสเฮาส์ที่ก้อยเพื่อนเรารู้จักจากการเดินผ่านจากครั้งที่มาเชียงใหม่ครั้งก่อนนู้น แล้วชอบอารมณ์ของที่พักเนื่องจากนอกจากจะเป็นที่พักแล้วยังมีร้านกาแฟที่คั่วกาแฟเอง และร้านอาหารที่ใช้ข้าวที่ปลูกเอง เป็นเหตุให้ก้อยเลือกจองที่พักที่นี้ในการเดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่ครั้งนี้

Farm Story House

ปกติเราไม่ยอมลองกินกาแฟ ไม่เคยคิดจะกินเลย แต่บทสนทนาของก้อยกับพี่เบญเจ้าของร้าน Farm Story House ณ เวลานั้น ทำให้เราอยากลองกาแฟ drip ฝีมือพี่เบญขึ้นมาทันที มันเหมือนเรานั่งอยู่ท่ามกลางคนสองคนที่คลั่งไคล้ในเรื่องเดียวกันสนทนาด้วยภาษาที่เราฟังไม่ค่อยเข้าใจ แต่เรากลับมีความสุขที่ได้นั่งฟัง

จากคนที่ไม่รู้จัก กลับกลายเป็นรู้จัก

เหมือนเป็นการทลายแผ่นน้ำแข็งด้วยเรื่องที่ชอบเหมือนๆกัน ก้อยปรึกษาพี่เบญเรื่องต่างๆนานาเกี่ยวกับกาแฟ พี่เบญตอบอย่างไม่มีกั๊ก แถมแอบ drip กาแฟนู้นนี้มาให้ชิมเป็นระยะ

ณ เวลานั้นเราลืมเรื่องเที่ยวไปเลย บทสนทนากลับกลายเป็นว่ามีความน่าดึงดูดมากกว่าสถานที่ที่เราอยากไป

ขอบคุณพี่เบญกับก้อยที่ทำให้เราเริ่มหลงเสน่ห์กาแฟดริป;)

กาแฟดริปแก้วแรกในชีวิต
กาแฟ drip ฝีมือพี่เบญ

นอกจากเจ้าของที่น่ารักและกาแฟที่หอมอร่อยแล้ว อาหารที่นี้ก็ยังเด็ดอีก เราสั่ง Koi in the garden เมนูฮิตของที่นี้ พบว่ามันอร่อยเด็ดมากกกกกกกก

Koi in the garden

 


สรุปรายระเอียดการเดินทาง

*ช่วงเวลา

เราไปเชียงใหม่วันที่ 22-24 ตุลาคม 2559 โดยพักที่บ้านป่าบงเปียงคืนวันที่ 22 ตุลาคม

ซึ่งการเที่ยวบ้านป่าบงเบียงจะมีหลายอารมณ์มาก ขึ้นอยู่กับว่าเราชอบบรรยากาศอารมณ์ไหน สวยกันคนละแบบเลย คือ

  • ถ้าอยากได้อารมณ์ต้นข้าวยังเป็นต้นกล้าต้นเล็กๆ เป็นช่วงดำนา ก็ไปช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม
  • ส่วนช่วงที่เราไปจะเป็นช่วงที่ต้นข้าวเขียวขจีมาก ก็จะเป็นช่วงเดือนกันยายน-เดือนตุลาคม 
  • แต่ถ้าอยากได้อารมณ์ต้นหญ้าสีทองก็ไปช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม

 

*การเดินทาง

จริงๆมันมีทางเข้าสองทางนะ แต่เส้นทางที่เรามาเรียกว่า เส้นทางอินทนนท์-แม่แจ่ม เส้นทางนี้ควรใช้รถโฟร์วิล 4WD หรือรถกระบะ เพราะถนนหนทางจากทางแยกน้ำตกแม่ปาน มาบ้านป่าบงเปียงเป็นทางดินลูกลังที่มีน้ำขัง เป็นหลุมเป็นบ่อ ถ้าขี่มอเตอร์ไซด์หรือขับรถมาเองแนะนำขึ้นอีกทาง คือขึ้นจากฝั่งตัวเมืองแม่แจ่ม เส้นทางจะดีกว่า แต่ระยะทางไกลกว่า

ส่วนขากลับเราก็ให้พี่วัฒมาส่งที่ทางแยกน้ำตกแม่ปาน แล้วโบกรถกลับเข้าตัวเมืองเชียงใหม่เลย แต่ถ้าไม่โบกรถก็ต้องยืนรอรถเหลืองผ่านจ้า

 

*ที่พักโฮมสเตย์ที่บ้านป่าบงเปียง

ราคาที่พักเท่าที่อ่านมาเหมือนๆกันทุกที่ ราคาประมาณ 500 บาทต่อคน รวมอาหารเช้ากับเย็น แต่ถ้าเช่าเต็นท์จะอยู่ที่ 400 บาทต่อคน รวมอาหารเช้ากับเย็นจ้า แต่เช่าเต็นท์จะมีให้เช่าแค่บางที่พักเท่านั้น

มาฉิโพ

  • โฮมสเตย์ที่คนนิยมและพูดถึงมากสุด
  • เจ้าของคือพี่วิชัย เบอร์ติดต่อ 081-0201691

บ้านระเบียงนา เราพักที่นี้*

  • เป็นโฮมสเตย์ที่มีที่พักสองหลัง และสามารถเช่าเต็นท์กางนอนได้
  • ติดต่อผ่านน้องบัติ เบอร์คือ 080-7946883
  • FBที่พัก https://www.facebook.com/sombutchai02577/

วีรศักดิ์ โฮมสเตย์ บ้านป่าบงเปียง

สามที่นี้เป็นที่ๆเราติดต่อไป สรุปคือเราได้พักแบบเช่าเต็นท์นอนที่ บ้านระเบียงนาค่า

 

*ที่พัก Farm Story House

– เป็นทั้งที่พักเกสเฮาส์ ร้านกาแฟที่คั่วกาแฟเอง และร้านอาหารที่ใช้ข้าวที่ปลูกเอง

– ถ้ามากินข้าวร้านจะเปิด 8:00 – 19:00 อาหารอร่อยมาก โดยเฉพาะเมนู Koi in the garden

– ถ้ากำลังมองหาของฝากเก๋ๆ แนะนำสบู่ทำเอง ข้าวปลูกเอง และกาแฟคั่วเองจ้า

– อยู่ใกล้ถนนคนเดินท่าแพมากกก

– เบอร์โทร: 081-6291662

– FB: https://www.facebook.com/farmstoryhouse/

– ที่อยู่: 7 ถนน ราชดำเนิน ซอย 5, ต.ศรีภูมิ, อ.เมืองเชียงใหม่, จังหวัดเชียงใหม่ 50200

 


A Million Thanks:))

ขอบคุณก้อยที่ชวนและร่วมเดินทางไปด้วยกัน  เป็นทริปประทับใจมากกก รู้สึกโชคดี เจอแต่อะไรดีๆ ไว้ไปเที่ยวกันอีกน้าา:))

แพร & ก้อย

ขอบคุณน้องบัติแห่งบ้านระเบียงนาที่ค่อยให้ข้อมูลการเดินทาง และดูแลอย่างดีมากกกก ประทับใจสุดๆเลยค่าาาาา

ขอบคุณพี่หน่อย พี่วัฒ ที่เป็น Inspiration ทำให้เรากล้าที่จะลองโบกรถครั้งแรกในชีวิต

ขอบคุณพี่ทราย คุณแม่และคุณน้าพี่ทรายมากๆนะค่ะ ที่มีน้ำใจรับเราขึ้นรถไปด้วย ขอบคุณจริงๆนะค่ะ

ขอบคุณพี่เบญ ที่ทำให้เราเริ่มหลงเสน่ห์กาแฟดริป;)