เป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนกัน หัวอกเดียวกัน ผมขอแนะนำวิธีการออมเงินให้ได้ก้อนโตๆไว้ไปเที่ยวกันดีกว่า
-
กำหนดแผนการออม
เอากระดาษมาแผ่นหนึ่งกับดินสอ แล้วเขียนคำว่า “สิ่งที่จำเป็น” กับ “สิ่งที่ต้องการ”
แล้วมาพิจารณาดูว่า “สิ่งที่ต้องการ” มันมูลค่ามากเกินไป ลดลงกว่านี้ได้ไหม
ชีวิตเราจะได้ให้ความสำคัญของ “สิ่งที่จำเป็น” ได้มากกว่านี้
-
ตั้งกองทุนการออมเพื่อการท่องเที่ยว
ผมรู้จักคนๆหนึ่งที่เขาตั้ง “กองทุนการออมเพื่อการท่องเที่ยว” ของตนเองขึ้นมา
ตั้งมั่นกับตัวเองว่า ไม่ว่าฟ้าจะถล่ม แผ่นดินจะทลาย ยังไงก็ต้องเก็บเข้าแบงค์ 10,000 บาทต่อเดือน
ผ่านไป 1 ปี เขาได้เงินมา 120,000 บาท เอาไปทำทุนเดินทางไปทางสายรถไฟทรานส์ไซบีเรียแบบใครๆก็อ้าปากค้าง
-
ลด ละ เลิก สุรา และ บุหรี่
ถามหมอทุกคนดูได้ครับ ว่าเจอคนไข้ที่ต้องทนทรมานเพราะพิษบุหรี่มากี่คนในชีวิตแล้ว ยิ่งพอไปถามปริมาณ จำนวน และความถี่ที่บริโภคมันมาทั้งทีชีวิต บางทีซื้อรถได้คันหนึ่งแล้วก็ว่าได้
บุหรี่ 1 ซอง ต่อ วัน ถ้าเอามันออกไปจากชีวิตได้ จะเก็บเงินได้เพิ่มมากขึ้นถึงเกือบ 2,000 บาท
เบียร์ 1 ขวด ต่อวัน ถ้าเอามันออกไปจากชีวิตได้ จะเก็บเงินได้เพิ่มมากขึ้นอีกเกือบ 1,000 บาท
รวมๆ กันแล้ว ลดไปได้มากกว่า 30,000-40,000 บาทต่อปีทีเดียวครับ
-
หันหลังให้ร้านกาแฟชื่อดัง
กาแฟวันละแก้วไม่ทำให้ใครตาย แต่กาแฟวันละแก้วอาจจะทำให้เราไม่ได้ไปเที่ยวต่างหากละ
-
มือถือ 1 เครื่อง ใช้ให้ได้สัก 4 ปีก่อนแล้วค่อยเปลี่ยน
ปัจจุบัน smartphone แต่ละรุ่นแทบจะไม่มีความแตกต่างกันมากเหมือนแต่ก่อนแล้ว
มือถือราคา 8,000 กับราคา 20,000 แทบไม่แตกต่างกันในเชิงคุณภาพ
ใช้ให้นาน อย่าเปลี่ยนบ่อย จะประหยัดเงินได้มากแบบคาดไม่ถึง
-
กินข้าวนอกบ้านบ่อยไปไหม
อันนี้เป็นรายจ่ายเพื่องานสังคม บางครั้งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ พอเข้าใจ แต่ถ้ามากเกินไป ก็ไม่ดี
ทานอาหารนอกบ้านต้องมีหลายร้อย เอามาทำเองที่บ้านได้หลายวัน
-
ออกกำลังกายที่สวนสาธารณะ
ผมชอบไปวิ่งที่สวนสาธารณะเป็นประจำ เพราะมันทำให้ผมได้สูดอากาศที่ปลอดโปร่งและได้พบเจอผู้คนอีกมากมาย
ค่าใช้จ่ายเท่ากับศูนย์ แต่บางครั้งเรากลับไปชอบออกกำลังกายในห้องแอร์ที่ทุกคนล้วนใส่หูฟัง ไม่ได้พูดกับใคร
แถมเสียค่าสมาชิกเป็นเงินอีกจำนวนหนึ่งที่เราน่าจะเก็บเอาไปทำทุนท่องเที่ยวดีกว่า
-
เอาเงินไปฝากกองทุนแทนที่จะฝากธนาคาร
เงินเก็บที่ได้มาจากกองทุน เราสามารถฝากเข้ากองทุนที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าออมทรัพย์ของธนาคารได้
โดยที่ความเสี่ยงของเงินไม่แตกต่างกัน ถึงแม้ส่วนต่างจะไม่มาก แต่ยังไงก็ดีกว่าเห็นๆ