Slow life ที่ “ฮอยอัน”
ถ้า อยากจะหลบหลีกความวุ่นวายของเมือง
ถ้า อยากจะใช้ชีวิตชิลล์ๆ ได้ทั้งวัน
ถ้า อยากไปอยู่ในเมืองที่ไม่มีรถติด ไม่แออัด
ถ้า อยากจะปั่นจักรยานไปไหนก็ได้ในเมือง
ถ้า อยากชมเมืองเก่า เดินชิมอาหารพื้นเมือง
Hoi An Ancient Town นั้นจัดเป็นหนึ่งในเมืองมรดกโลกของ UNESCO ห่างจากตัวเมืองดานังแค่ประมาณ 30 km การเดินทางมายังเมืองเก่าฮอยอันนั้น มาได้หลายทาง เช่น นั่งเครื่องบิน, รถไฟ หรือ รถ มาลงดานัง แล้วต่อ taxi, busไปยังฮอยอัน การมาเที่ยวชมเมืองเก่าฮอยอันนั้น สามารถซื้อ one day tour มาจากเมืองดานังได้ แต่หากใครอยากจะใช้เวลาซึบซับบรรยากาศให้ทั่งทั้งเมืองก็แนะนำมาพักที่ฮอยอันสักคืนก็ดีค่ะ
วันนี้เราก็จะพาไปใช้ชีวิตแบบ slow life ที่เมืองเก่าแห่งนี้กัน
วิธีการท่องฮอยอันที่ดีที่สุดคือการเดินหรือการปั่นจักรยาน
จักรยานไปหาเช่าได้เลย มีอยู่เต็มไปหมด ค่าเช่าต่อวันไม่ควรเกิน 25,000 ด่อง
ที่ทางเข้าต้องซื้อตั๋วก่อน แต่ตั๋วนี้จะเข้าออก กี่ครั้งก็ได้ ไม่มีจำนวนวันจำกัดนะ
ค่าตั๋วก็คนละ 120,000 ด่อง ราคาเดียวจ้า
เมื่อขี่จักรยานเข้าไป ก็จะมีจุดที่ไม่อนุญาตให้เอาจักรยานเข้าไปแล้ว ให้เดินเข้าไปอย่างเดียว ก็เลยต้องจอดเอาไว้ ถ้าใครกลัวหายก็จะมีลุงๆป้าๆที่รับฝากจักรยานอยู่ แต่เสียเงินนะ แล้วแต่ว่าใครจะเก็บเท่าไร
ถ้าเห็นประตูแบบนี้ แสดงว่าเราเข้าสู่เขตเมืองเก่าแล้วละ
รถยนต์จะห้ามผ่านในทุกกรณี เป็นพื้นที่ของคนเดินและคนปั่นเท่านั้น
วิธีการชิลล์ในฮอยอัน มี 2 วิธี
- เดินเท้า อันนี้ทำได้ทั้งวัน ประหยัดเงิน และได้ซึมซับสถาปัตยกรรมงามๆอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากเมืองมันก็ไม่เล็ก จะเดินอย่างเดียวอาจจะหมดแรงก่อน เลยขอแนะนำวิธีที่สอง
- ปั่นจักรยานจ้า เช่าวันละไม่กี่สิบบาท ปั่นจนน่องโป่ง เบื่อไปเลย ในเขตเมืองเก่าทั้งหมด รถยนต์ห้ามเข้า จึงเป็นสวรรค์ชั้น 7 ของชาวปั่นจักรยาน แต่ว่าในช่วงเวลาบ่ายเย็นๆจนถึงค่ำๆของทุกๆวัน อันนี้ก็ห้ามจักรยานอีก เราเลยต้องไปเดินด้วยเท้ากันแทน
ค่าเช่าจักรยานแม่บ้านไม่ควรเกิน 25,000 ด่อง/วัน
ถนนทางแคบๆแบบนี้ละ เอกลักษณ์ของฮอยอันเลย
เมืองเก่าฮอยอัน เป็นอะไรที่คล้ายกับหลวงพระบางในลาวมาก ถ้าใครเคยไปมาก่อน อาจจะพอรู้สึกได้
แต่ฮอยอันเขตเมืองเก่าจะใหญ่กว่า แต่หลวงพระบางความชิวจะมากกว่า
สรุปคือดีทั้งสองแบบ จะไปที่ไหนก็ได้
โลกทั้งใบอยู่ที่สองขาของเรา อยากจะเดินทางไปไหน ก็ไปเลย
เมืองมรดกโลกฮอยอันแห่งนี้ รอทุกๆคนอยู่นะ
จุดที่ชอบก็คือ ได้นั่งชิลล์บริเวณริมแม่น้ำ Thu Bon ซึ่งตัดผ่านหมู่บ้านนี้ นั่งมองวิถีชีวิตคนฮอยอัน
เหม่อไปๆมาๆ มีคุณป้าพายเรือมา ถามว่า นั่งเรือเล่นชมวิวไหม (ตกคนละประมาณ 150 ไทย)
ป้าตื้ออยู่นาน พวกเราก็ตกลงปลงใจ เพราะอยาก slow life ขั้นสุด
เรืออันเป็นเอกลักษณ์ของฮอยอัน
ในที่สุดเราก็ลงเรือลำเดียวกับป้าละ
ป้าก็พายไป เราก็นั่งดูสองข้างแม่น้ำไป ก็ชิลล์จริงๆ
ระหว่างพายไป แกก็ร้อง พูดพร่ำทำเพลงไปเรื่อย
สักพักไม่นาน
ป้าก็ไปจอดกลางแม่น้ำ พร้อมกับเอากระทงกระดาษมาขาย นั่นไง ถูก force sell 555 อะๆ ป้ากล้าขาย ก็ต้องยอมซื้อ ไม่งั้นไม่ได้กลับฝั่ง ฮ่าๆ ก็ซื้อกระทงป้า จุดเทียน แล้วลอยแม่น้ำขอพร
พอป้าส่งเราเสร็จ ป้าก็ไปหาลูกค้าคนต่อไป 55
ช่วงเย็นๆ นี่ คนจะเริ่มทยอยมาเดินเล่นกันมากขึ้น ก็นั่งเล่นริมน้ำ รับลมแสนสบาย
อ้ออ…. ในเมืองเก่าแห่งนี้ เค้ามีฟรี wifi แรงๆให้เล่นทั้งวันเลย ดีมากๆ
การได้นั่งริมแม่น้ำ ดูผู้คนเดินผ่านไปมา เป็นอะไรที่ฟินแบบสุดๆ
แสงแบบนี้กำลังแจ่มมากๆเลย
ในเขตเมืองเก่า ก็มีหลายวัดให้เข้าไปเดินดูได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ในเขตเมืองเก่า สามารถหาอาหารพื้นเมืองทานได้ง่าย และราคาก็สมเหตุผล ไม่มากจนเกินไป
นี่เป็นร้านขายเต้าหู้ทรงเครื่อง ดูพื้นบ้านแต่อร่อยสุดๆ ถึงว่าทำไมคนนั่งกินเต็มเลย
ขนมอีกอย่างหนี่ง ข้างในเป็นไส้มะม่วง เดินไปกินไป เพลินมาก
ที่เมืองเก่าแห่งนี้ มีสถาปัตยกรรมสวยๆมากมาย จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า คู่บ่าวสาวมักจะมีถ่ายรูป pre-wedding กันที่นี่
นี่คือ สะพานญี่ปุ่น (Japanese Covered Bridge) ที่ชาวญี่ปุ่นมาสร้างไว้ 400กว่าปีแล้ว ของจริงสวยงามมากๆ โดยเฉพาะตอนกลางคืน
สะพานญี่ปุ่น
สะพานญี่ปุ่น เป็นสถานที่ check in ที่ยอดฮิตของคนฮอยอัน ทำให้ทุกๆคนต่างเฝ้ารอที่จะมาที่แห่งนี้
เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า อาจจะเรียกว่าเป็นเวลาที่สวยที่สุดของเมืองนี้ก็เป็นได้ เพราะมีการเปิดไฟส่องสว่างสวยงามมาก
ร้านค้าต่างๆก็เปิดกันคึกคัก เปิดไฟสะท้อนกับแม่น้ำ กลายเป็นบ้านเรือสีทองอร่าม สวยงามจนคนจากทั่วโลกต่างเดินทางมาที่นี่
วันที่เรามาเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งที่นี่จะมีเทศกาลคล้ายๆลอยกระทงบ้านเรา ยิ่งทำให้คนคึกคักมากๆ
“ฮอยอัน” แห่งนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับที่สุดยอดสำหรับการท่องเที่ยวในระยะเวลาสั้นๆ 1-2 วัน แต่ได้ความสุขและสบายใจในการอยู่ในเมืองมรดกโลกของยูเนสโกแห่งนี้
การเดินทางมายังเมืองฮอยอัน
ให้เริ่มต้นที่เมืองดานัง (Danang) ก่อนเนื่องจากเป็นศูนย์กลางของเวียดนามกลาง มีเครื่องบินมาลงมากมาย และยังสามารถเดินทางทางรถมาจากเมืองไทยได้อีกด้วย
ทางบก
- นั่งรถผ่านพรมแดนลาว ทางจังหวัดมุกดาหาร เข้าจังหวัดสะหวันนะเขตประเทศลาว ก่อนจะเข้าสู่เวียดนามกลาง เริ่มต้นที่เมืองดานัง แล้วหารถ Taxi มายังเมืองฮอยอัน ค่า Taxi อยู่ที่ประมาณ 250,000-300,000 ด่อง วิธีนี้เป็นการเดินทางที่ประหยัดที่สุด แต่ต้องใช้เวลามากที่สุด
ทางอากาศ
- ไฟลต์ตรง มีเส้นทางบินระหว่างกรุงเทพ – ดานังทุกวัน โดย Bangkok airway เส้นทางนี้ดีอย่างหนึ่งคือประหยัดเวลา แต่ค่าตั๋วแพงกว่า
- ไฟลต์อ้อม ใช้สายการบิน Vietjet หรืออันอื่นๆ มาเริ่มต้นที่ฮานอยหรือโฮจิมินห์ แล้วบินต่อมาที่นี่ครับ วิธีนี้ดีคือ ได้เที่ยวฮานอยหรือโฮจิมินห์เพิ่มได้ครับ