เรื่องก่อนหน้า
Camper van รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร
ไม่พูดถึงไม่ได้สำหรับพระเอกของเราในการเดินทางครั้งนี้ครับ เจ้าสิ่งนี้เป็นตัวที่ทำให้การเดินทางทั้งหมดของเราราบจนลื่น รวมทั้งเป็นหมัดเด็ดในการคุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดไม่ให้บานปลาย เจ้าสิ่งนี้ คือ Kuku นั่นเองครับ บอกไปงงยิ่งกว่าเดิม อะไรคือกูกู้ ไม่ได้จะให้ไปกู้อะไรที่ไหนหรอกครับ มัน คือ ยานพาหนะของเราเอง แต่เจ้าของเขาเรียกแบบนี้ มัน คือ รถ Camper van ชนิดหนึ่งครับ เดี๋ยวมาว่ากันต่อ เพราะว่าคนไทยเกือบทั้งประเทศรวมทั้งตัวผมด้วยไม่รู้ว่ามันคืออะไร จนได้ไปสัมผัสมันมาจริง ๆ ถึงได้รู้ว่าของเขาแรงจริงครับ
มีคำศัพท์ 2 คำที่อยากให้เข้าใจก่อนจะอ่านอะไรด้านล่างนะครับ เพราะว่าเวลา search คำเหล่านี้ใน Google เป็นต้องขึ้นมาพร้อม ๆ กันให้เราเวียนหัว ว่าตกลงมัน คือ อะไรกันแน่ ระหว่างคำว่า Camper van กับ Motor home ชื่อก็บอกอยู่แล้วนะครับว่ามันไม่เหมือนกัน อันหนึ่งเหมือนกับเต็นท์เคลื่อนที่ อีกอันหมายถึงบ้านที่วิ่งได้
Motor home คือ บ้านเคลื่อนที่ดี ๆ นี่เอง รถคันจะใหญ่มากกก มักเห็นในหนังฝรั่งประจำ มีทั้งห้องนอน ห้องน้ำ แยกสัดส่วนชัดเจน อันนี้ค่าเช่าแพงหูฉี่ครับ
ส่วน Kuku ที่เรากำลังบ่นอยู่มัน คือ Camper van หน้าตาจะเป็นแบบนี้ครับ
ชนิดของรถ Camper Van
รถของ Kuku มีหลายชนิดให้เลือกตามจำนวนสมาชิกที่ไปนะครับ ไปหลายคนก็เอาคันใหญ่ ไปแค่สองคนก็เอาคันเล็ก ๆ ก็พอ ถ้าคิดจะประหยัดไปห้าคนเอาคันเล็ก รับรองได้นอนทับกันทุกคืนแน่ครับ เพราะมันเล็กจริง ๆ 555+ อย่างผมไป 5 คนก็เลือก Category C ครับ จุได้ 5 คนบาย ๆ ถ้าไป 2 คนก็เลือกแบบ A หรือ D ก็ได้ครับ แต่ 2 คนนี่ต่างกันตรงที่แบบ D เป็นแบบ 4WD เท่านั้นเองครับ
สำหรับราคาค่างวดคิดเป็นหน่วย Euro ทั้งหมดนะครับ ตัวอักษรทางฝั่งซ้าย คือ ชนิด Category ที่เราเลือกมาจากภาพด้านบนเมื่อกี้ จะสังเกตเห็นได้ว่าราคาจะผันแปรไปตามฤดูกาลที่เปลี่ยนไป ฤดูร้อนช่วงเดือนมิถุนายนจนถึงสิงหาคมของทุกปีจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของที่นู่น ค่าเช่าจึงแพงที่สุดครับ แต่ถ้าใครบ้าไปหน้าหนาวที่คนเขาไม่เที่ยวกันก็ถูกหน่อย หรือถ้าเช่าหลายวันหน่อยก็จะได้ราคาที่ถูกลงไปอีกครับ ของผมเป็น Category C แถมเลือกไปช่วง Crazy season ตามเขาว่าเลยได้ไปที่เรทวันละ 119 ยูโรต่อวัน
แผนผังภายในรถจะเห็นได้ว่าแบ่งได้ 2 ส่วน คือ ส่วนคนขับกับส่วนด้านหลังครับ ด้านหน้าก็มีเบาะคนขับกับเบาะคนนั่งอีกคน ส่วนด้านหลังมีอ่างน้ำกับเตาแก๊สอยู่ และส่วนที่เป็นเบาะไว้นอนและที่นั่งพับเป็นเตียงได้อยู่ด้านล่างครับ
นอกจากรถที่มีให้เช่าแล้ว ทาง Kuku ยังมีอุปกรณ์เพิ่มความสนุกสุดเหวี่ยงให้เช่าอีกด้วย จ่ายทีเดียวใช้ได้ตลอดทริปครับ ที่แนะนำก็จะมี Power inverter ที่ใช้สำหรับแปลงไฟในรถให้ใช้สำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าของพวกเรา เช่น มือถือ กล้อง คอมพิวเตอร์อะไรแบบนี้ครับ จะซื้อจากเมืองไทยไปก็ได้ครับ แต่เกิดเอาไปใช้ไม่ได้ก็ต้องเช่าอยู่ดี อันนี้แล้วแต่ ใครที่เคยดู Walter Mitty แล้วเกิดอยากควบสเกตบอร์ดลู่ลมล่ะก็ โอกาสของท่านมาถึงแล้วครับ ขนาดจักรยาน ลูกรักบี้ เบ็ดตกปลา มันก็ยังมีให้เช่าเลย เอากับมันสิครับ เอาล่ะโม้น้ำจิ้มไปพอกลมกล่อม มาดูวิธีการจองกันดีกว่า
วิธีการจองรถ
เราก็แค่เลือกชนิดของรถ และเมนูรายละเอียดการจองจะอยู่ทางด้านขวามือนะครับ
1.) เราสามารถเลือกจุดรับรถ-จุดส่งรถได้ โดยถ้าให้เขามาส่งที่สนามบินต้องเสียเพิ่ม 50 ยูโร เช่นเดียวกัน ถ้าจะส่งรถที่สนามบินก็ต้องเสียเพิ่มอีก 50 ยูโร เช่นเดียวกันครับ แต่ถ้าจะไปรับรถในเมืองเลยก็ไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ (สนามบินที่เราไปลงจะอยู่ห่างจากเมืองหลวงเรคยาวิคประมาณ 40 กิโลเมตร ดังนั้น 50 ยูโร ไม่แพงหรอก เพราะค่ารถ Shuttle bus ไปสนามบินต่อคนขาเดียวจากตัวเมืองก็ปาเข้าไป 7xx บาท แล้วครับ ส่วนขากลับก็แล้วแต่ สำหรับพวกเราเลือกคืนรถในเมือง เพราะต้องนอนพักในเมืองเรคยาวิค 1 คืน)
2.) เราเลือกวันที่จะรับรถ-ส่งรถได้ โดยต้องลงวันที่แบบเป๊ะ ๆ และเวลาที่จะรับรถแบบเป๊ะ ๆ นะครับ เขาจะคิดเป็น 24 ชั่วโมงต่อ 1 วัน เพราะฉะนั้น ถ้ามาเอารถตอน 12.00 น. ก็ต้องมาคืนรถตอน 12.00 น. เช่นกัน ไม่งั้นถือว่าบวกเพิ่มอีก 1 วันนะครับ
3.) อายุของคนขับ จำเป็นเพราะว่ากฎหมายของที่อนุญาตให้คนที่อายุมากกว่า 20 ปีเท่านั้น ถึงจะขับรถได้ครับ
หน้าจอถัดไปก็จะเป็นการเลือกอุปกรณ์เพิ่มเติมต่าง ๆ แต่ที่วงไว้ให้ดู 2 อันหลัก คือ
1.) Power inverter ตัวแปลงไฟจากแบตเตอรี่รถยนต์ให้กลายเป็นไฟสำหรับใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าของเราได้ครับ
2.) SCDW Insurance โดยปกติค่าเช่ารถที่เราจ่ายไปจะรวมค่าประกันของรถที่เจ้าของเดิมถืออยู่แล้วนะครับ แต่ว่าถ้าเกิดเราไปทำอุบัติเหตุในวงเงินที่ไม่เกิน 2,000 ยูโรเนี่ย ก็ไม่มีอะไร ไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม แต่ถ้าเกิน 2,000 ยูโร นี่งานเข้าเลยครับ ต้องจ่ายส่วนต่างนั้นเอง แต่ถ้าเราซื้อประกันในส่วนนี้เพิ่ม คือ วันละ 10 ยูโร เจ้าของรถเขาจะรับประกันให้เต็มวงเงินค่าซ่อมครับ สรุปคือซื้อไว้เถอะครับ อุบัติเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ
3.) อีกหนึ่งอันที่เห็นแล้วงงว่ามันคืออะไร Cleaning fee 50 euro ??? มันคือค่าทำความสะอาดรถหลังจากที่เราเอารถมาคืน วิธีวัดความสะอาด ก็คือ ก่อนไปเป็นยังไงกลับมาก็ต้องเป็นอย่างนั้น ถ้าเราทำกันเองในวันส่งรถ เราก็ไม่ต้องเลือกส่วนนี้ครับ
ส่วนด้านล่างสุดก็จะแสดงให้เห็นยอดเงินรวมที่เราต้องเสียทั้งหมด
คำเตือน : จากประสบการณ์การใช้งานจริงและการสอบถามคนที่เคยใช้บริการเจ้านี้ ขอสรุปข้อดีและข้อเสีย ดังนี้
ข้อดี
1. เป็นเจ้าเดียวที่มีเกียร์ออโต้สำหรับ campervan นอกนั้นเกียร์กระปุกทั้งหมด
2. ในรถคันใหญ่สามารถจุคนได้ 5 คน ขณะที่เจ้าอื่นให้ 4 คน เทียบกันแล้วก็ทำให้ลดค่าใช้จ่ายจากรถหนึ่งคันหาร 4 เป็นหาร 5 คนแทน แถมค่าเช่าต่อวันก็ราคาถูกกว่าเจ้าอื่น ๆ เล็กน้อย
ข้อเสีย
1. ระบบการจัดการดูลูกทุ่ง ๆ ครับ ไม่ค่อยมืออาชีพอย่างบริษัทเช่ารถทั่วไป
2. รถไม่ค่อยดี มีปัญหาจุกจิกให้แก้ทุกวันครับ เช่น กระจกไฟฟ้าด้านข้างคนขับเสีย มันเลื่อนลงมาเองอัตโนมัติแล้วกดปิดเองไม่ได้ ต้องมาหาร้านซ่อม เสียเวลาเที่ยว เหมือนกับรถไม่ได้ถูกเช็กสภาพให้สมบูรณ์มาก่อนที่จะให้ลูกค้าเช่า หรือแม้แต่ขนาดของล้อเมื่อเทียบกับขนาดของรถ เราลงความเห็นกันว่ายังไงล้อมันก็เล็กเกินไป ทำให้การขับทรงตัวได้ยากลำบาก โดยเฉพาะถนนที่ลื่นเวลามีหิมะตก เป็นอันตรายอย่างมากต่อผู้ใช้รถ
และด้วยเหตุผลเหล่านี้ เราจึงอยากให้อ่านบทความของ พี่พี พิริยะ ผู้มีประสบการณ์กับรถ 2 บริษัทมาแล้ว เพื่อใช้ประกอบในการตัดสินใจได้ที่ http://www.piriyaphoto.com/camper-van-in-iceland/