สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาทุกๆคนไปใช้เวลาสุดสัปดาห์กันที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งที่ได้ชื่อว่าสวยงามและโด่งดังมากที่สุดแห่งหนึ่งของไทยหรือของโลกเลยก็ว่าได้
โรงแรมทั่วๆไประดับ 5 ดาว ยังไม่อาจเทียบกับบริการและความสะดวกสบายของที่นี่ได้เลยครับ
รีสอร์ทแห่งนี้ตั้งอยู่ที่สุดปลายแหลมพันวา ทางด้านมุมใต้สุดของเกาะภูเก็ต ทำให้ที่นี่มีชื่อว่า “ศรีพันวา” นั่นเองครับ
มาตามไปดูกันเลยครับว่า มันสวยสมคำร่ำลือกันจริงๆเหรอไม่
Welcome reception
แขกทุกๆคนที่จะเข้าพัก จะถูกส่งมาที่นี่ก่อนครับ
ศาลาริมทะเลที่จะมองเห็นหมู่เกาะฝั่งตรงข้ามไม่ว่าจะเป็น เกาะคอรัล (เกาะเฮ) เกาะโหลน และท้องทะเลอันดามัน
ในส่วนนี้ทุกคนต้องมาถึงที่นี่เพื่อจะลงข้อมูลประวัติกันก่อน พร้อมสแกนบัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทาง
เพื่อทำข้อมูลประวัติของแขกทุกๆคนที่มาพักที่นี่
พอเดินเข้ามาในอาคารแล้ว ต้องเดินลงไปตามทางบันไดลงไปยังด้านล่าง
ส่วนนี้เป็นที่เอาไว้นั่งรอระหว่างทำพิธีการ Check in
ซึ่งก็จะมีพนักงานต้อนรับเอาเครื่องดื่มมาให้ พร้อมกับแนะนำสถานที่สำคัญแต่ละแห่งภายในรีสอร์ทไปในตัว
เสน่ห์ของศรีพันวาก็คือ เก้าอี้แทบจะทุกตัวที่นี่สามารถแปลงร่างกลายเป็นเตียงได้หมด
และทุกๆจุดแทบจะเห็นวิวทะเลทั้งหมดเลย
ส่วนที่ผมได้มาพักคือ ส่วนใหม่ที่พึ่งจะเปิดตัวไปไม่นานมานี้ครับ
มีชื่อว่า “The Habita”
ซึ่งจุดประสงค์ของการเปิด The Habita ส่วนหนึ่งก็คือราคาห้องพักที่จะลดลงมาค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับ pool villa ก่อนๆ
โดยราคาตั้งต้นสำหรับ Pool suite จะอยู่ที่ประมาณ 15,000 ขึ้นไปครับ
The Habita
The Habita ที่ศรีพันวาเป็นส่วนของรีสอร์ทน้องใหม่ล่าสุดที่พึ่งจะเปิดตัว
ออกแบบโดยบริษัทที่มีชื่อว่า Habita เช่นเดียวกัน
อันนี้เป็นทางเข้าอาคาร The Habita ครับ
โดยทางรีสอร์ทจะบริการรถกระป๋องเอาไว้ในทุกๆจุด สามารถเรียกใช้บริการได้ทุกเมื่อ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง เรียกว่าเปิดแข่งกับ 7-11
ซึ่งภายในแต่ละอาคาร ก็จะมีพนักงานต้อนรับประจำอยู่ในทุกๆจุดคอยอำนวยความสะดวกเราตลอดทาง
ภายในอาคาร The Habita จะมีทั้งหมด 3 ชั้น
โดยชั้น 1-2 จะเป็นห้อง pool suite ครับ
และชั้น 3 จะเป็น penthouse suite อย่างในภาพที่เห็น
ซึ่งประตูจะถูกควบคุมด้วยระบบคีย์การ์ดทั้งหมด
Penthouse
และนี่ก็เป็นวินาทีแรกที่ผมเปิดประตูมาเจอกับบรรยากาศภายในห้อง
โอ้โห คือคำแรกที่ผมอุทานออกมาเมื่อได้เห็นกับภาพต่อสองตาตัวเอง
ห้องมันใหญ่มากครับ แบ่งเป็นสัดส่วนหมด ไม่ว่าจะเป็นครัว โต๊ะอาหาร ส่วนนั่งเล่น หรือห้องนอน
ตรงชั้นครัวจะมีอาหาร ขนมคบเคี้ยว กาแฟ น้ำดื่มภายในตู้เย็น
ที่บรรจุเอาไว้ให้กินให้ดื่มได้อย่างไม่อั้น โดยจะมาเติมในทุกๆวัน
โซฟาขนาดใหญ่ นอนได้สบายๆ
มีทีวี LED ที่ต่อเข้ากับเครื่องเล่น DVD และ Cable TV ของ True ครับ
อันนี้เป็นบรรยากาศภายในห้องนอน
เตียงนอนนุ่มแบบสุดๆ จะเรียกว่าเตียงดูดวิญญาณก็ว่าได้
ขอเดินสำรวจห้องน้ำหน่อย
มีอ่างน้ำอยู่ที่ตรงมุม ห้องอาบน้ำ ห้องน้ำ แยกกันหมด เป็นสัดส่วนกัน
ตรงกลางเป็นอ่างล่างหน้าสองอ่าง โดยที่สามารถเปิดปิดม่านด้านหลังได้
Private pool
เดินออกมาด้านนอก จะเป็นสระน้ำส่วนตัวความยาว 10 เมตรที่อยู่ด้านหน้าห้อง วิวหันออกทะเลพอดี
โดยที่ด้านนี้จะเป็นด้านพระอาทิตย์ตกครับ
ดังนั้นการจะว่ายน้ำดูพระอาทิตย์ตกทำได้สบายๆ
โดยจะมีเก้าอี้นุ่มๆตัวสีเขียววางเอาไว้ด้านหน้าให้เรารับลมอีกที
บรรยากาศแบบสบายๆ ความยาว 10 เมตร ก็พอว่ายน้ำไปมาแบบสบายๆได้
และตรงนี้ยังมีปุ่มไว้กดทำระบบจากุซซี่ด้วยครับ
Private beach
เดี๋ยวผมมาพาไปเดินดูทะเลอีกด้านกันดีกว่าครับ ด้านนี้เป็นด้านตะวันออก
มีทางเดินที่ทำด้วยไม้เอาไว้ให้เราเดินลงไปถึงหาดด้านล่างได้
ที่รีสอร์ทจะมีชายหาดส่วนตัวอยู่ที่เดียวทางทิศตะวันออกคือตรงนี้
และมีทุ่นกลางน้ำที่เราสามารถเดินต่อออกไปด้วย เพื่อไปรับลมหรือนอนอาบแดดกลางทะเล
แดดแรงสุดๆ แต่ฟ้าก็ใสสุดๆเช่นเดียวกัน
เราสามารถเดินไปจนถึงสุดปลายทุ่นได้
อันนี้คือมุมไฮไลท์ของศรีพันวาเลยก็ว่าได้
กลุ่มของเหล่า Pool villas ที่ตั้งอยู่ตามเชิงเขาโดยมีทะเลเป็นฉากหน้าครับ
Beach pool
หลังจากเดินขึ้นมาจากชายหาด
เราก็จะพบกับสระว่ายน้ำที่อยู่ทางทิศตะวันออก เรียกว่า “Beach pool”
สระนี้เปิดให้บริการสำหรับแขกทุกคน โดยจะมีเบาะนอนเอาไว้ให้นอนรับลมหรืออาบแดดได้
ที่ศรีพันวา จะมีสระน้ำส่วนกลางทั้งหมด 3 สระ คือตรงนี้ที่ Beach pool
สระน้ำแห่งที่สองอยู่ที่ Poolclub ความยาว 25 เมตร
อีกสระหนึ่งคือยู่ที่ทางทิศตะวันตกหรือที่ The habita ความยาว 44 เมตร ซึ่งใหญ่ที่สุด
ตรงนี้เป็นเบาะเอาไว้ให้นอนอาบแดด
ตอนบ่ายมาที่นี่จะโอเคสุด เพราะจะไม่โดนแดดส่องมากแล้ว
เนื่องจากบริเวณที่กว้างมาก คนจึงกระจัดกระจายกันไปหมด
บรรยากาศรอบๆมันเลยดูเงียบและสงบแบบนี้ตลอดเวลา
Fitness center
พามาดู Fitness center กันต่อครับ
เปิดให้ใช้บริการตั้งแต่เวลา 7.00 – 21.00 ของทุกๆวัน
เครื่องไม้เครื่องมือมีเต็มไปหมด ลู่วิ่ง เครื่องออกกำลังกาย
สนามเทนนิสก็มีแต่อยู่ด้านนอกทั้งหมด 2 คอร์ท และสนามเปตองด้วยครับ
นอกจากนี้แล้วยังมีสนามมวยที่ทางรีสอร์ทจะจัดเทรนเนอร์ให้มาสอนด้วยถ้าสนใจ
Cool spa
มาดู Spa กันครับ
บริเวณนี้เป็นบริเวณเดียวที่ถ้าจะใช้บริการต้องเสียเงินค่าบริการเพิ่ม
พวกคอร์ตเทนนิส สนามกีฬ่า สระว่ายน้ำ Fitness พวกนี้อยู่ในค่าห้องหมดแล้ว
บรรยากาศดูคล้ายๆบาหลี
และในแต่ละห้องที่ทำสปา นั้นจะมีน้ำตกส่วนตัวอีกด้วย
เดินออกจากรีสอร์ท กลับมาที่อาคาร The Habita อีกครั้ง
เดี๋ยวผมจะพาเดินไปดูสระน้ำกลางที่ใหญ่ที่สุดของศรีพันวากัน
ตรงนี้คืออาคาร The Habita นั่นเอง
จะเห็นได้ว่าไม่ได้เป็น pool villa แบบที่ผ่านๆมา เนื่องจากเป็นโซนใหม่
โดยในชั้น 1-2 ห้องจะเล็กกว่า เรียกว่า Pool suite ส่วนชั้น 3 จะใหญ่กว่าเรียกว่า Penthouse ครับ
Forest Waterfall Pool
Forest Waterfall Pool คือสระน้ำที่ใหญ่ที่สุดในศรีพันวา
มีความยาวถึง 44 เมตร เรียกได้ว่าว่ายเอาออกกำลังกายได้เลย
ส่วนความลึกนั้นประมาณ 1.3-1.5 เมตรครับ ไม่ลึกจนเกินไป
ส่วนที่เรียกว่า forest นั้นก็อาจจะเป็นเพราะว่าบรรยากาศมันเหมือนป่านั่นเอง
เวลาประมาณสี่โมงเย็น
ฝรั่งก็จะมานอนอาบแดดเล่นน้ำกันทุกวันแบบนี้ละครับ
แต่ถ้าชอบความสงบก็เล่นน้ำอยู่ที่สระน้ำหน้าห้องตัวเองก็ได้เช่นเดียวกัน
เบาะเก้าอี้สำหรับอาบแดดก็มี
น้ำของสระน้ำแห่งนี้ใช้ระบบน้ำเค็มทั้งหมด อาจจะใส่คลอรีนบ้างลงไปเล็กน้อยเพื่อฆ่าเชื้อ
นี่คือสระว่ายน้ำกลางที่ใหญ่ที่สุดครับ ความยาว 44 เมตร
ตอนนี้เย็นแล้ว กลับมาพักที่ห้องกันดีกว่า
Inside the room
แสงสีส้มยามพระอาทิตย์ตกทำให้ห้องดูสวยกว่าเดิมขึ้นไปอีก
จะนั่งชิวในห้องหรือนอกห้องก็ได้
วิวจากเตียงนอน
สระน้ำส่วนตัวหน้าห้องครับ
ได้ทิศตะวันตกดีอย่าง เราได้ดูพระอาทิตย์ตกต่อหน้าต่อตาเลย
จริงๆแล้วแค่นั่งดูวิวไปก็มีความสุขมากๆแล้วละ
เวลาแบบนี้ต้องแช่น้ำครับ สบายยยย
Baba nest
ไม่พูดถึงที่นี่คงไม่ได้ สำหรับสถานที่แห่งนี้
“Baba nest”
จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกกลางแจ้ง ที่ทุกๆสำนัก ยกย่องให้เป็นหนึ่งในสถานที่
ที่นี่จำกัดโต๊ะที่นั่งแค่ 12 โต๊ะเท่านั้น
และ 1 โต๊ะ รับจำนวนไม่เกิน 4 คน เท่ากับทั้งหมดนี้มีคนไม่เกิน 48 คนครับ
โดยทางศรีพันวาจะสำรองไว้สำหรับแขกภายใน 10 โต๊ะ และเปิดให้คนนอกเข้าใช้บริการอีก 2 โต๊ะเท่านั้นเอง
และก็แน่นอนว่า มันเต็มตลอดเวลา โดยเฉพาะวันหยุด ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ต้องจองล่วงหน้ามาเท่านั้น
ภาพนี้คือภาพที่โด่งดังที่สุดของ Baba nest
เนื่องจากพระอาทิตย์จะตกลงทำมุมที่เหมาะสมแบบพอดีเป๊ะๆ
แขกทุกคนบนนี้จึงจะได้รับชมแสงสุดท้ายของวันไปพร้อมๆกันแบบนี้ทุกๆวัน
เดินกลับมาที่ห้องพักกันอีกครั้ง
จะไปแช่น้ำเวลานี้ก็สบาย
ผ้าขนหนู ชุดอาบน้ำ เตารีด ตู้เซฟ มีบริการไว้อย่างครบถ้วน
พักผ่อนดูวิวกินลมไปเรื่อยๆครับ
อาหารเช้าสุดฟินที่ Baba Poolclub
เช้าวันใหม่ ไปทานอาหารเช้ากัน
อาหารเช้าจะมีบริการสำหรับแขกทุกคนที่ Baba Poolclub ครับ
จะเลือกนั่งตรงไหนก็ตามสบายใจ
ส่วนผมขอนั่งตรงนี้ละกัน ถึงมันจะร้อน แต่นั่งแล้วมีความสุขก็โอเคแล้ว
ฝรั่งก็ชอบที่นั่งแบบนี้ครับ แบบร้อนๆ
Baba Poolclub
ส่วนนี้เอาไว้สำหรับแขกที่ไม่อยากร้อนก็มานั่งในอาคาร
อาหารมีค่อนข้างหลากหลายและรสชาติก็อร่อยไปตามบรรยากาศ
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ผมได้มีโอกาสขึ้นมาชม Baba nest อีกครั้ง แต่เป็นในเวลากลางวัน
ตรงนี้เป็นวิวจาก Baba nest
ซึ่งสาเหตุที่เรียกว่า Nest ก็เพราะว่ามีนกบินผ่านไปผ่านมาตลอดเวลานั่นเองครับ
บ้านหลังทางขวามือเป็นของคุณปลาวาฬ เจ้าของรีสอร์ทนั่นเอง
ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น Baba IKI
เดินเล่นไม่ทันไร ได้เวลาทานอาหารกลางวันกันอีกรอบแล้วกับภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น Baba Iki
ที่จะเสิร์ฟเฉพาะอาหารวัตถุดิบคุณภาพสูงจากญี่ปุ่นเท่านั้น
ซาซิมิจากทะเลญี่ปุ่นทั้งจานที่นำเข้ามาแบบสดๆทุกวัน และสลัดผักครับ
อันนี้คือซูเปอร์ไฮไลท์ของที่นี่ครับ
“เนื้อฮิดะ” (Hida gyu) เป็นชื่อที่เฉพาะเจาะจงให้กับเนื้อวัวจากญี่ปุ่นผมสีดำที่ได้รับการเลี้ยงดูมาในจังหวัดไอจิเป็นเวลาอย่างน้อย 14 เดือน.
เนื้อมันนุ่มจนแทบจะละลายในปากไปเลยในทีเดียว
ปลาหิมะย่างเกลือ ที่เนื้อก็แทบจะละลายเป็นหิมะไปในปากเช่นเดียวกัน
เมนูขนมหวานทั้งหมด 3 อย่าง
ฝั่งซ้าย : Green Tea Pannacotta
ฝั่งขวา : Jasmine Crème Brulée
อันนี้คือ Thai Tea Cake
จากบรรยากาศแบบอบอุ่นในตอนเช้า กลายมาเป็นแบบสีสรรสดใสในเวลากลางวันแบบนี้
ถ้ามาที่นี่วันฟ้าใสจนสีน้ำเงินแบบนี้ละ สวยที่สุด
เป็นเวลา 2 วันสั้นๆ ที่ผมได้ใช้ชีวิตอยู่ที่ศรีพันวา
บรรยากาศที่สวยแบบอลังการและความสะดวกสบายที่ได้รับ
ทำให้ผมไม่ได้ออกไปไหนเลย นอนเล่นอยู่แต่ในรีสอร์ท
ถือเป็นการเติมพลังให้ชีวิตหลังจากที่ทำงานอย่างหนักมาตลอดเดือนครับ
ขอขอบคุณ ทางศรีพันวาที่ได้มอบประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมตลอด 2 วันที่ผมพักอยู่ที่นี่ครับ